แอนดี เมอร์เรย์ อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกจากสหราชอาณาจักรระบุว่า เขายังไม่ปิดโอกาสที่จะกลับมารับงานผู้ฝึกสอนอีกครั้งหลังจากแยกทางกับ โนวัก ยอโควิช อดีตมือ 1 โลกและอดีตคู่ปรับสำคัญชาวเซอร์เบียทว่ายังไม่ใช่ในเร็วๆ นี้
โดย เมอร์เรย์ ตัดสินใจแขวนแร็กเกตเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากไม่สามารถกลับมาเล่นในระดับที่ควรเป็นได้อีกต่อไป ก่อนเขาจะทำเซอร์ไพรส์ด้วยการรับงานโค้ชให้ ยอโควิช อดีตคู่ปรับในเดือน พ.ย.2024
ถึงกระนั้นหลังจากร่วมงานกันไม่กี่เดือน ทั้งคู่ก็ประกาศแยกทางกันเมื่อเดือน พ.ค,ที่ผ่านมา โดยฝั่ง โนเล ให้เหตุผลว่า เมื่อพิจารณาแล้วคิดว่าต่างฝ่ายต่างยังไม่สามารถดึงศักยภาพของกันและกันได้เต็มที่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และยังเคารพ เมอร์เรย์ เหมือนเดิม
ล่าสุด เมอร์เรย์ ให้สัมภาษณ์กับ “บีบีซี” ถึงอนาคตการเป็นโค้ชของตัวเองโดยชี้ยังไม่ปิดโอกาส ทว่ายังไม่จะรับงานดังกล่าวเร็วๆ นี้ “ตอนแรกผมไม่ได้มีแผนจะผันตัวมาเป็นโค้ชทันทีหลังจากเพิ่งแขวนแร็กเกตได้ไม่นาน แต่เพราะนี่เป็นโอกาสพิเศษกับการได้ร่วมงาน และเรียนรู้จากหนึ่งในนักกีฬาที่เก่งที่สุดตลอดกาลของโลก จึงตอบรับร่วมงานกับ โนเล ซึ่งก็ได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับการทำงานเป็นทีม”
“เพราะสมัยเป็นนักกีฬา จะมีทีมงานคอยสนับสนุนอยู่ข้างตัว ซึ่งในตอนนั้นคุณคือจุดโฟกัสของทุกคน แต่พอมาเป็นโค้ชให้กับนักกีฬา คุณต้องทำงานร่วมกับทั้งนักกายภาพบำบัด เทรนเนอร์ เอเยนต์ ต้องเรียนรู้ว่าจะสื่อสารกับนักกีฬาอย่างไรให้เขาเข้าใจ และพยายามมองหาว่าอะไรที่ดีสำหรับนักกีฬา คิดว่านั่นคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ และต้องพัฒนาหากจะทำงานนี้ต่อไปในอนาคต”
“งานนี้ (โค้ช) ถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างมากสำหรับตัวเอง เราได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกันหลายช่วงเวลา โดยเฉพาะนอกคอร์ต เพียงแต่ผลลัพธ์ในสนามไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการ สุดท้ายจึงคิดว่าถึงเวลาต่อยุติการร่วมงานกันในครั้งนี้ เรื่องกลับมาจับงานโค้ชอีกครั้งนั้น คิดว่ามีโอกาสอีกในอนาคต แต่คงยังไม่ใช่เร็วๆ นี้”
ทั้งนี้ เมอร์เรย์ ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเทนนิสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของวงการเพราะนอกจากเคยรั้งตำแหน่งมือ 1 โลกแล้ว เจ้าตัวยังเคยซิวแชมป์แกรนด์สแลม 3 สมัยคือ วิมเบิลดัน 2 สมัย และยูเอส โอเพ่น 1 สมัย นอกจากนั้นยังเคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในประเภทชายเดี่ยวอีก 2 สมัยด้วย