ประวัตินักกีฬา

แคลเรนซ์ ซีดอร์ฟ ตำนานแข้งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง ของเนเธอร์แลนด์

แคลเรนซ์ ซีดอร์ฟ

แคลเรนซ์ ไคลด์ ซีดอร์ฟ ถือเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลเชื้อสายซูรินาเมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในระดับนานาชาติ โดยตลอดอาชีพการค้าแข้ง เขาไม่เพียงสร้างชื่อด้วยฝีเท้าอันโดดเด่นในตำแหน่งกองกลาง แต่ยังเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนในโลกที่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้กับถึง สามสโมสรต่างกัน ได้แก่ อาแจ็กซ์, เรอัล มาดริด และเอซี มิลาน

แคลเรนซ์ ไคลด์ ซีดอร์ฟ เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1976 ที่กรุงพารามาริโบ ประเทศซูรินาเม ก่อนจะย้ายมาใช้ชีวิตในเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ยังเล็ก เส้นทางการค้าแข้งของซีดอร์ฟเริ่มต้นอย่างโดดเด่นกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมาจากทีมเยาวชน และส่งเขาลงเล่นในทีมชุดใหญ่เมื่ออายุเพียง 16 ปี ในฤดูกาล 1992/93 ซีดอร์ฟมีบทบาทสำคัญในแดนกลางของทีมชุดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 1994/95 ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งทีมอาแจ็กซ์ในยุคนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดทีมหนึ่งของยุโรป

หลังจากสร้างชื่อกับอาแจ็กซ์ ซีดอร์ฟย้ายไปร่วมทีม ซามพ์โดเรีย ในอิตาลี ก่อนจะย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ในปี 1996 ซึ่งกับทีมราชันชุดขาว ซีดอร์ฟยังคงโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม และกลายเป็นกำลังหลักในแดนกลาง โดยเขามีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 1997/98 ได้สำเร็จ

ปี 1999 เขาย้ายกลับมาเล่นในอิตาลีกับ อินเตอร์ มิลาน ก่อนจะย้ายไปอยู่กับทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เอซี มิลาน ในปี 2002 ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในอาชีพของซีดอร์ฟ ที่ซาน ซิโร่ เขาคว้าแชมป์เซเรีย อา 2 สมัย, ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียนา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย (2002/03 และ 2006/07), ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ โดยตลอดช่วงเวลาในถิ่นปีศาจแดงดำ เขาลงเล่นไปกว่า 400 นัด และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่มีเทคนิคและความเข้าใจเกมสูงที่สุดในยุคของเขา

แคลเรนซ์ ซีดอร์ฟ

ในระดับทีมชาติ ซีดอร์ฟติดทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ไปทั้งหมด 87 นัด ทำไป 11 ประตู และมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างฟุตบอลโลก 1998 รวมถึงยูโร 1996, 2000 และ 2004 แม้จะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ระดับชาติได้ แต่เขาก็ถือเป็นหนึ่งในนักเตะกำลังหลักของอัศวินสีส้มในช่วงปลายยุค 90 ถึงต้นยุค 2000

หลังจากอำลาการค้าแข้งกับโบตาโฟโกในบราซิลเมื่อปี 2014 ซีดอร์ฟผันตัวเข้าสู่วงการโค้ชทันที โดยรับงานคุมทีมโบตาโฟโกในระยะสั้น จากนั้นจึงย้ายกลับไปยุโรปและเคยผ่านประสบการณ์คุมทีมชื่อดังอย่าง เอซี มิลาน (2014), เสิ่นหัว เซี่ยงไฮ้ (2016), และ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา (2018) ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาติ แคเมอรูน ในปี 2018 ควบคู่กับอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่างแพทริก ไคลเวิร์ต แม้บทบาทในตำแหน่งกุนซือจะยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าอาชีพค้าแข้ง แต่เขายังคงเป็นที่เคารพในฐานะอดีตตำนานลูกหนังโลก

ปัจจุบัน ปี 2025 แคลเรนซ์ ซีดอร์ฟยังคงทำงานในวงการฟุตบอล โดยเขาเป็นนักวิเคราะห์และผู้บรรยายทางโทรทัศน์ให้กับสื่อกีฬาหลายแห่ง รวมถึงทำหน้าที่ในโครงการพัฒนาฟุตบอลเยาวชนทั้งในยุโรปและแอฟริกา นอกจากนี้ ซีดอร์ฟยังทุ่มเทให้กับงานด้านสังคมและการศึกษา เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ Clarence Seedorf Foundation ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของเยาวชนผ่านกีฬา โดยเฉพาะในชุมชนที่ขาดโอกาส

สำหรับ แคลเรนซ์ ซีดอร์ฟ คือหนึ่งในบุคคลที่โลกฟุตบอลจะต้องจดจำทั้งในฐานะยอดนักเตะผู้ครองความสำเร็จมากมาย และในฐานะบุคคลที่ใช้พลังของฟุตบอลเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกในทางที่ดี

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top