ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ ปี 2025 กลาสโกว์ เซลติก ทีมยักษ์ใหญ่แห่งสก็อตแลนด์ได้สร้างความเคลื่อนไหวสำคัญด้วยการคว้าตัว ชิน ยามาดะ ดาวรุ่งวัย 20 ปีจากสโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ทีมดังในเจลีก ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาเสริมแนวรุกด้วยสัญญาระยะยาว 4 ปี ค่าตัวราว 1.5 ล้านปอนด์ ท่ามกลางความคาดหวังว่าเขาจะเป็นอีกหนึ่งนักเตะเอเชียที่สร้างชื่อในยุโรปได้แบบเดียวกับเหล่ารุ่นพี่ก่อนหน้า
ชิน ยามาดะ เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2000 ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น โดยเขาเริ่มเข้าสู่เส้นทางลูกหนังจากการเล่นให้กับทีมเยาวชน คาโมเอะ เอฟซี และซูอิโช เอสซี ก่อนจะเข้าสู่อะคาเดมี่ของคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ สโมสรที่มีชื่อเสียงในการพัฒนานักเตะเยาวชนของญี่ปุ่น
ยามาดะ ได้รับการจับตามองตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยความสามารถในการเล่นเป็นกองกลางตัวรุกที่มีจินตนาการเฉียบแหลม วิสัยทัศน์การจ่ายบอลยอดเยี่ยม และความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ไปกับบอล จุดเด่นอีกประการของเขาคือความสามารถในการเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแนวรุก ทั้งมิดฟิลด์ตัวรุก ปีกซ้าย และการเป็นศูนย์หน้า
ในปี 2019-2022 ยามาดะ เลือกไปเล่นพร้อมกับศึกษา ที่ มหาวิทยาลัยโตอิน โยโกฮามา ก่อนจะกลับมาเซ็นสัญญากับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล ในช่วงปี 2022 และได้เริ่มเล่นกับทีมชุดใหญ่ เป็นนักเตะอาชีพอย่างเต็มตัว ในฐานะศูนย์หน้าที่น่าจับตามองของทีม
แม้จะเพิ่งก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของฟรอนตาเล่ได้ไม่นาน แต่ฟอร์มของเขาในเจลีกก็สร้างความประทับใจ โดยในซีซั่น ในซีซั่น 2023 เจ้าตัวลงเล่น 27 นัดในลีก ทำได้ 4 ประตู ก่อนที่จะพลิกฟอร์มในฤดูกาล 2024 ที่ทำไป 19 ประตูในศึกเจลีก และรวมทุกรายการทำได้ 21 ประตูจาก 51 นัด ถือเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูสูงสุดของฤดูกาล พร้อมทั้งยังมีส่วนช่วยให้ ฟรอนตาเล คว้าแชมป์ ซูเปอร์ คัพ 2024 และพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก 2024/25 ด้วย
ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมทำให้เขาเริ่มได้รับความสนใจจากแมวมองของหลายทีมในยุโรป จนกระทั่งในฤดูกาล 2025/26 นี้ เป็น เซลติก ยักษ์ใหญ่ในสกอตแลนด์ ซึ่งมักจะดึงนักเตะญี่ปุ่นหลายคนไปปั้นอยู่แล้ว คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวราว 1.5 ล้านปอนด์
การย้ายมายังยุโรปของ ยามาดะ ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งถือเป็นความฝันของนักเตะญี่ปุ่นหลายคน และการได้ย้ายมายัง เซลติก ซึ่งเคยคว้าตัวนักเตะอย่างเคียวโกะ ฟุรุฮาชิ, ไดเซ็น มาเอดะ และเรียว ฮาตาเตะ ไปร่วมทีม ก็ช่วยให้มั่นใจได้ว่า ยามาดะจะสามารถปรับตัวและเติบโตภายใต้ระบบของสโมสรได้ไม่ยาก