ผงาดขึ้นครองแชมป์โลก 2 เส้นได้อย่างยิ่งใหญ่สำหรับ ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 นักชกแนวหน้าของเมืองไทย ที่เอาชนะน็อก โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี แย่งแชมป์มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต มาครองได้สำเร็จเป็นเส้นที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้เป็นแชมป์โลก คิกบ็อกซิ่ง อยู่ก่อนแล้ว
ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 มีชื่อจริงว่า มนัสชัย เอี่ยมศิริ เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2538 ที่ย่านชนบทของ อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งชีวิตของเขาค่อนข้างลำบาก ต้องพลัดพรากจากพ่อ ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ได้ 3 เดือน ด้วยความจน แม่จึงต้องปล่อยให้เขาอยู่กับตายาย
ตอนอายุ 7 ขวบ ซุปเปอร์เล็ก นั้นเหมือนกับเด็กๆทั่วไปที่ชอบเที่ยวเล่นไปนั่นไปนี่เป็นเรื่องปกติ แต่มีอยู่วันหนึ่งเขาได้ตามรุ่นพี่ไปซ้อมมวย แล้วรู้สึกว่าหาเงินได้ เลยซ้อมและได้ขึ้นชกมวยครั้งแรก ได้ค่าตัว 150 บาท ก็เลยอยากจริงจังขึ้นมา
จากจุดเริ่มต้นในวันนั้นทำให้ ซุปเปอร์เล็ก ได้เข้าไปร่วมซ้อมกับค่ายมวย “เกียรติหมู่ 9” ซึ่งอยู่แถวบ้าน ก่อนจะค่อยๆพัฒนาตัวเอง และเดินสายชกมวยทั่วภาคอีสานมาเรื่อยๆ จนในปี พ.ศ.2552 เริ่มเข้ากรุงเทพเพื่อมาตามหาความฝัน มาชกที่สนามมวยลุมพินี
แต่ช่วงแรกทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด เขาแพ้ 4 ไฟต์ติดต่อกัน ทางค่ายจึงตัดสินใจให้เขากลับไปชกต่างจังหวัดเหมือนเดิม แต่ทีนี้ฟอร์มก็ยังไม่ดีขึ้น ก็ยังแพ้เหมือนเดิม โชคดีที่ได้กำลังใจจากครอบครัว ทำให้เขามุ่งมั่นตั้งใจใหม่ กระทั่งปี 2554 ฟอร์มของ ซุปเปอร์เล็ก นั้นเข้าฝักแบบสุดๆ ชนะ 13 ไฟต์ติดกัน ซึ่งไฟต์สร้างชื่อของเขาคือไฟต์ที่สามารถเอาชนะ เพชรสกล เอฟ.เอ.กรุ๊ป คว้าแชมป์ประเทศไทย รุ่น 105 ปอนด์ ได้สำเร็จ ตอนนั้นเองสปอร์ตไลท์เริ่มฉายแสง เริ่มมีหน้ามีตา ออกทีวี ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ แฟนมวยทุกคนต่างจับจ้องมาที่เขา
หลังคว้าแชมป์ประเทศไทย ซุปเปอร์เล็ก ก็ยังคงเดินสายชกมวยอย่างต่อเนื่องพร้อมคว้าแชมป์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลุมพินี คว้ารางวัลนักชกยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้สื่อข่าว ฯลฯ
กระทั่งจุดเปลี่ยนในชีวิตของ ซุปเปอร์เล็ก เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2562 กับการได้ขึ้นชก ONE Championship ไฟต์แรกในชีวิต
“พอดีช่วงนั้น เสี่ยโบ๊ท ก็ชวนมาชกในรายการของ ONE Championship แล้วก็มีทีมงานติดต่อมา เราก็เลยอยากลองดู” ซุปเปอร์เล็ก กล่าว
ตอนนั้น ซุปเปอร์เล็ก ตกลงคุยรายละเอียดเรียบร้อยก็เลยไปศึกษาว่ากติกาการชกมันเป็นยังไง เลยได้รู้ว่ามันเป็น นวมเล็ก ซึ่งตลอดชีวิตเขาพึ่งเคยสัมผัส การต้องปรับตัวกับกฎกติกาสากลใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคยในเวทีมวยบ้านเรา ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก
และ ซุปเปอร์เล็ก ก็ทำผลงานได้ดีเกินคาด ขึ้นชกไฟต์แรกในฐานะนักมวยเจ้าถิ่น ต้อนรับการมาเยือนของมวยเก่งจากกัมพูชา “เลา เชตรา” แชมป์สนามมวยชื่อดังอย่าง บายัน สเตเดียม สองรุ่น ที่มีประสบการณ์บนสังเวียนสูสีกันราว 150 ไฟต์
การชกในประเทศบ้านเกิดทำให้ ซุปเปอร์เล็ก เกิดความกดดันพอสมควร เพราะเขาต้องการคว้าชัยชนะให้ได้ในถิ่นของตัวเอง บวกกับการใช้นวมเปิดนิ้ว 4 ออนซ์ครั้งแรกในชีวิต
“เรื่องที่ทำให้ผมกังวล คือผมต้องชกด้วยนวม 4 ออนซ์ เพราะผมเพิ่งเริ่มซ้อมกับนวมนี้ช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนขึ้นชก ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่ค่อยชินกับนวมแบบนี้เท่าไหร่ครับ จึงทำให้กังวลมาก” ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 เล่า
สุดท้าย ซุปเปอร์เล็ก ก็อาศัยประสบการณ์และความเฉียบขาด เอาชนะคู่แข่งไปได้ด้วยคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ ประเดิมไฟต์แรกบนเวที ONE Championship ได้อย่างสวยงาม
หลังจากทำผลงานยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องใน ONE ซุปเปอร์เล็ก ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต เมื่อเดือนมกราคม 2566 และสามารถป้องกันตำแหน่งอย่างเหนียวแน่นมาโดยตลอด รวมถึงผ่านไฟต์กำราบนักชกชื่อดังมากมาย อย่าง รถถัง จิตรเมืองนนท์, ทาเครุ เซกาวา จนได้รับฉายาว่า เครื่องจักรนักเตะ ซึ่งมาจากอาวุธทีเด็ดของเขาที่เตะคู่แข่งเดี้ยงมาหลายคนแล้ว
กระทั่งไฟต์ล่าสุดที่ ซุปเปอร์เล็ก ได้กลับมาต่อยในกติกามวยไทย จุดกำเนิดของเขาอีกครั้ง ในการแย่งแชมป์กับ โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี ซึ่ง ซุปเปอร์เล็ก ใช้เวลาไม่นานสับศอกเข้าเต็มหน้าคู่แข่ง จนชนะน็อกมาได้ตั้งแต่ยกแรก คว้าแชมป์โลกเส้นที่ 2 มาครองได้สำเร็จ
เวลานี้ ซุปเปอร์เล็ก ถือเป็นนักมวยแถวหน้าของเมืองไทย ที่ใครก็ต่อกรด้วยยาก รวมถึงมีแฟนมวยต่างก็ให้กำลังใจและคอยสนับสนุนเขามากมาย และเชื่อว่าเขาจะยังคงครองความยิ่งใหญ่ไปอีกยาวนาน