ประวัตินักกีฬา

รูนีย์ บาร์ดจ์จี เพชรเม็ดงามแห่งวงการฟุตบอลสวีเดน ผู้ใฝ่ฝันเป็นแข้งเบอร์ 1 ของโลก

รูนีย์ บาร์ดจ์จี

ถือเป็นเพชรเม็ดงามแห่งวงการฟุตบอลสวีเดน สำหรับ รูนีย์ บาร์ดจ์จี มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่เพิ่งจะอายุ 17 ปี เท่านั้น แต่ก็ก้าวขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่ของ โคเปนฮาเก้น ในลีกเดนมาร์ก พร้อมกับร่วมคว้าแชมป์ไปแล้วเรียบร้อย

 รูนีย์ บาร์ดจ์จี เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2005 เดิมทีแล้วพ่อและแม่ของเขาเป็นชาวซีเรีย ที่อพยพมาอยู่ใน คูเวต ซึ่ง บาร์ดจ์จี ก็ลืมตาดูโลกมาในช่วงนั้น โดยคุณพ่อของเขาเคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อน และมักจะสอนเขาเล่นฟุตบอล รวมถึงคอยพูดคุยกับเขาเรื่องฟุตบอลมาตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เขาชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก

 ครอบครัวของ บาร์ดจ์จี มีอันต้องย้ายมาอยู่สวีเดนตอนที่เขา อายุได้ 7 ขวบ และทันทีที่มาถึงประเทศนี้ เขาก็รู้ทันทีถึงความคลั่งไคล้ในฟุตบอล เขาสังเกตเห็นสนามฟุตบอลใกล้โรงแรมที่เขาพัก มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่ในสนาม ซึ่ง บาร์ดจ์จี ไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่สนามนั้นทันที และจากนั้นเขาก็มาที่สนามทุกวัน ซึ่งนอกจากเล่นฟุตบอลแล้ว ยังได้ฝึกภาษาไปในตัวด้วย ก่อนที่ 3 เดือนต่อมา เขาก็สามารถพูดภาษาสวีเดนได้

 เป้าหมายของ บาร์ดจ์จี นั้นคือการเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก และได้เล่นในยุโรป รวมถึงทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยเขาเริ่มได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง กับ Kallinge SK จากนั้น อายุ 10 ขวบก็ย้ายไปอยู่กับ Rödeby AIF ก่อนที่อายุ 14 ปี จะมาอยู่กับทีมดังอย่าง มัลโม

 บาร์ดจ์จี มักจะได้เล่นในทีมที่ต้องแบกอายุอยู่เสมอ เขามักจะเป็นคนที่เด็กสุดในรุ่นอายุของเขา โดยปกติแล้วเขาจะชื่นชอบในตำแหน่งปีกขวา แต่ก็สามารถเล่นกองหน้าได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาชื่นชอบที่จะลงมารับบอล และแอสซิสต์ให้เพื่อนมากกว่า 

 รูนีย์ บาร์ดจ์จี

 หลังจากอยู่กับ มัลโม ได้ 1 ปี เขาก็ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่จะย้ายไปอยู่กับ โคเปนเฮเก้น เนื่องจากเขามองว่า ที่เดนมาร์กนั้น เป็นลีกที่แข็งแกร่งกว่า และสามารถทำให้เขาพัฒนาฝีเท้าได้มากกว่า ก่อนที่ ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2021 เขาก็ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ พร้อมกับทำสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นให้กับสโมสร ด้วยวัย 16 ปี 6 วัน จากนั้น 7 วันต่อมา เขาก็ยิงประตูแรกให้โคเปนเฮเกนในเกมที่ชนะ AaB 3–1

 “ในเดนมาร์กมียุทธวิธีมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสวีเดน มันเป็นจังหวะที่สูงกว่าซึ่งคุณจะต้องป้องกันและโจมตีด้วยวิธีที่แตกต่างออกไป แค่บุกอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องตั้งรับด้วย เพราะถ้าไม่ทำ ทีมโดนลงโทษ เพราะคู่แข่งเก่งมาก เราทำงานหนักมากกับเกมกดดัน และจากนั้นเราก็สร้างจุดแข็งของตัวเองขึ้นมาด้วย ผมรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นในทุกเรื่อง” บาร์ดจ์จี กล่าว

 ถึงเวลานี้ บาร์ดจ์จี ยังได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องกับ โคเปนเฮเกน กลายเป็นดาวรุ่งที่ใครต่างก็จับตามอง เขาลงสนามให้ทีมไป 57 นัด ยิงไปแล้ว 12 ประตู พร้อมกับ ร่วมคว้าแชมป์ลีกเดนมาร์ก 2 สมัยติด ในฤดูกาล 2021/22, 2022/23 และฟุตบอลถ้วยเดนมาร์ก ฤดูกาล 2022/23 ขณะที่ในส่วนทีมชาติ เขาก็ลงเล่นให้กับ สวีเดน ยู-17 และ ยู-21 ไปแล้ว 

 อนาคตของ บาร์ดจ์จี สดใส แน่นอน เขาเป็นนักเตะที่มีทั้งฝีเท้า และความทะเยอทะยาน ใครจะรู้วันข้างหน้าเขาอาจจะกลายเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลก อย่างที่เขาใฝ่ฝันก็เป็นได้

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top