ยังคงเป็นผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ ทั้งยังมีทีเด็ดในการขึ้นเกมรุกอยู่เสมอ สำหรับ อลิสซง เบ๊กเกอร์ นายทวารชาวบราซิเลียนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ล่าสุดเป็นอีกครั้งที่ออกบอลยาวให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปพังประตูชัย เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีก
อลิสซง แรมเซส เบ๊กเกอร์ เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 1992 อาศัยอยู่ในเมือง โนโว ฮัมเบอร์โก ประเทศบราซิล เขาเติบโตมาในครอบครัวที่เต็มไปด้วย ผู้รักษาประตู อย่างแท้งจริง ตั้งแต่รุ่นปู่ ที่เป็นโกลอยู่กับสโมสรท้องถิ่น
ขณะที่คุณพ่อแม้จะไม่ได้เล่นอาชีพ แต่ก็มักจะเป็นผู้รักษาประตูเวลาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ส่วนคุณแม่นั้นเป็นผู้รักษาประตูในกีฬาแฮนด์บอล นอกจากนี้ มูเรียล เบ๊กเกอร์ พี่ชายที่แก่กว่าเขา 5 ปี ก็เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูเช่นกัน
อลิสซง และ มูเรียล เข้าสู่อคาเดมีของ อินเตอร์นาซิอองนาล ตั้งแต่ปี 2002 (มูเรียลเข้าก่อน) แน่นอนว่าทั้งสองคนเลือกที่จะเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งเป็นธรรมดาที่พี่้ชายของเขาจะเป็นตัวเลือกแรกของทีมในการลงสนาม ขณะที่ อลิสซง จะได้รับโอกาสบางครั้ง
ทำให้เมื่อขึ้นสู่ชุดใหญ่ทั้งคู่กลายเป็นคู่แข่งที่จะต้องแย่งตำแหน่งกันโดยปริยาย กระทั่งปี 2015 อลิซง ก็พัฒนาฝีมือจนก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ก่อนจะไปเข้าตาแมวมองของ โรม่า ในเซเรีย อา อิตาลี และดึงเขาไปร่วมทีมในปี 2016 ด้วยค่าตัว 7.5 ล้านยูโร
ในปีแรกที่ย้ายมายังโรม่า อลิสซง ยังต้องตกเป็นตัวสำรองของ วอยเซียก เซสนี่ ผู้รักษาประตูทีมชาติโปแลนด์ ได้ลงสนามเพียงในเกมฟุตบอลถ้วย 15 นัดในฤดูกาล 2016-2017
ก่อนที่ซีซั่นต่อมา เซสนี จะย้ายไปอยู่กับยูเวนตุส ทำให้ อลิสซง ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโรม่าทันที พร้อมกับทำผลงานสุดเหนียวหนึบ จนได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของเซเรียอา ฤดูกาล 2017-2018
ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม ทำให้ “หงส์แดง” ซึ่งกำลังหาผู้รักษาประตูมือดีมาเสริมทัพ หลังจากผิดหวังกับความผิดพลาดของ ลอริส คาริอุส ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และ อลิสซง นั้นคือคำตอบ ทำให้ ลิเวอร์พูล ทุ่มเงินสูงถึง 67 ล้านปอนด์ เป็นสถิติผู้รักษาประตูค่าตัวแพงที่สุดในโลกเวลานั้น คว้าตัวเขามาร่วมทีม
และอลิสซง ก็ตอบแทนค่าตัวที่ ลิเวอร์พูล เสียไปอย่างคุ้มค่า เมื่อโชว์ฟอร์มเหนียวหนึบ เป็นส่วนสำคัญช่วยให้ทีมผงาดแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาล 2018-2019 พร้อมกับคว้ารางวัลเกียรติยศส่วนตัวมากมาย
โดยเฉพาะรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของฟีฟ่า และรางวัล “ยาชิน โทรฟี” ปี 2019 จากนิตยสารฟรองซ์ ฟุตบอล ซึ่งอาจเทียบได้กับ “บัลลงดอร์” ของผู้รักษาประตู และที่สำคัญที่สุดกับแฟนบอลลิเวอร์พูล คือการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ในรอบ 30 ปี
นอกจากนั้น อลิสซง ยังเป็นผู้รักษาประตูที่ฝากโมเมนต์สำคัญไว้ ชนิดที่ผู้รักษาประตูน้อยคนจะทำได้ นั่นคือการขึ้นมาโขก ทำประตูชัยให้ทีม ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เฉือนชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2-1 ในฤดูกาล 2021 กลายเป็นผู้รักษาประตูคนที่ 6 และเป็นคนแรกที่ โหม่ง พังประตูในพรีเมียร์ ลีก
ถึงเวลานี้แม้จะเป็นผู้รักษาประตู แต่ อลิสซง ก็ทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ กับอีก 1 ประตู เป็นสถิติที่น่าเหลือเชื่อ นอกเหนือจากฟอร์มที่เหนียวหนึบอยู่แล้ว
แน่นอนว่าตราบใดที่ ผู้พิทักษ์ด่านสุดท้าย อย่าง อลิสซง ยังลงทำหน้าที่ ลิเวอร์พูล ก็จะยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งทั้งในส่วนเกมรับ และเกมรุกที่สามารถขึ้นเกมบุกได้ทุกตำแหน่ง ยัน ผู้รักษาประตู