มาร์ก อัลเลน นักสอยคิวไอร์แลนด์เหนือ วัย 36 ปี มืออันดับ 10 ของโลก ออกมายอมรับว่า ถึงแม้จะได้เงินรางวัลจากการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพถึง 3.5 ล้านปอนด์ หรือราว 151 ล้านบาท แต่ได้แจ้งขอเป็นบุคคลล้มละลายไปเมื่อปีที่แล้ว
อัลเลน เผยเหตุผลที่แจ้งขอเป็นบุคคลล้มละลายว่า เนื่องจากตนใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปกับทุกๆ เรื่องในชีวิต ใช้เงินที่มีไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้มา ถึงแม้ว่าในฤดูกาลที่ผลงานไม่ดีก็ยังใช้เงินมากมายเหมือนช่วงที่มีรายได้เยอะๆ หลังจากนั้นก็มีปัญหากับไคล่า แมคกีแกน ภรรยาที่อยู่กันมา 7 ปี และมีลูกสาว 1 คน จนเลิกรากันไปเมื่อปี 2020 ทำให้หมดเงินไปกับการจ่ายค่าทนาย และค่าแอลกอฮอล์มากมาย รวมทั้งภาษีต่างๆ จนทำให้ติดหนี้จำนวนมาก
“การแจ้งล้มละลายเป็นทางเลือกเดียว ผมทำเงินได้ 3.5 ล้านปอนด์กับการแข่งขันสนุกเกอร์ แต่ก็ใช้หมดในเวลาอันรวดเร็ว แม้ในปีที่แย่ ผมก็ยังใช้จ่ายราวกับว่ามันเป็นปีที่ดีของผม”
อัลเลนกล่าวอีกว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะใช้เงินแบบมีวินัยมากกว่านี้ ทุกวันนี้ยังต้องเช่าอพาร์ทเมนต์อยู่ ซึ่งดูเป็นเรื่องน่าอายสำหรับการเป็นนักสนุกเกอร์มือ 10 ของโลก
“มันน่าเศร้าที่ต้องพูดถึงสิ่งที่ผมทำ ตอนนี้ผมยังต้องเช่าที่พักเขาอยู่ มันค่อนข้างน่าอายที่จะพูดในฐานะที่เป็นอันดับ 10 ของโลก ถ้าย้อนกลับไปได้ผมจะใช้เงินอย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญตอนนี้คือการทำให้ชีวิตของผมกลับมามีระเบียบ และการรับประกันรายได้ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีฤดูกาลที่ดีหรือไม่ดี”
สำหรับเวิลด์ สนุกเกอร์ ทัวร์ ได้มีระเบียบใหม่ออกมาในการการันตีรายได้ของนักสนุกเกอร์อาชีพที่อยู่ในทัวร์ จะมีรายได้ 20,000 ปอนด์ หรือราว 8.2 แสนบาท เป็นหลักประกันว่า ไม่ว่าผลงานจะเป็นอย่างไรก็จะมีรายได้เฉียด 1 ล้านบาทแน่นอน
ขณะที่นักสอยคิวที่มีรายได้มากที่สุด จากการจัดอันดับคือ รอนนี่ โอซุลลิแวน แชมป์โลก 7 สมัย ชาวอังกฤษ ทำรายได้ไปแล้ว 12.7 ล้านปอนด์(547.63 ล้านบาท)
สำหรับ มาร์ก อัลเลน เพิ่งเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในศึก บริติช โอเพ่น เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยล้มทั้ง จัดด์ ทรัมป์ มืออันดับ 2 ของโลก และมาร์ก เซลบี มืออันดับ 4 ของโลก ก่อนที่จะทำได้เพียงรองแชมป์โดยพ่าย ไรอัน เดย์ 7-10 เฟรม รับเงินรางวัล 45,000 ปอนด์ หรือราว 1.92 ล้านบาท
