ประวัตินักกีฬา

ฮาเมส โรดริเกซ แข้งพเนจรบนเส้นทางอาชีพ แต่เป็นจอมทัพสำคัญของทีมชาติ โคลอมเบีย

ฮาเมส โรดริเกซ

 เป็นนักเตะชื่อชั้นระดับโลกที่ค่อนข้างอาภัพ และต้องย้ายทีมอยู่บ่อยครั้งสำหรับ ฮาเมส โรดริเกซ จอมทัพวัย 33 ปี ทีมชาติโคลอมเบีย แต่เมื่อไหร่ที่ได้ลงสนามรับใช้ชาติ เขามักจะทำผลงานได้โดดเด่น และยอดเยี่ยมจะได้รับความชื่นชม

 ฮาเมส เดวิด โรดริเกซ รูบิโอ เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 1991 ที่เมืองคูคูตา ประเทศโคลอมเบีย เขาได้รับอิทธิพลด้านลูกหนังมาจากคุณพ่อ และเล่นฟุตบอลตอนอายุ 5 ขวบ โดยได้เข้าสู่อคาเดมีของทีม โทลิเมนเซ่ ก่อนจะย้ายอยู่กับสโมสร เอนวิกาโด้ และเริ่มต้นเส้นทางนักเตะอาชีพกับทีมนี้ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในระดับดิวิชั่นสองของโคลอมเบีย และ ฮาเมส ก็ได้ลงสนามนัดแรกในวัยเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น เมื่อเดือนพ.ค. 2006

ฮาเมสเล่นอยู่กับ เอนวิดาโด้ 2 ฤดูกาล ฝีเท้าก็ไปเข้าตา แบนฟิลด์ สโมสรในอาร์เจนตินา และถูกดึงตัวไปร่วมทีม ก่อนจะโชว์ฟอร์มโดดเด่น และทำสถิติเป็นแข้งต่างชาติอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในลีกอาร์เจนตินา ด้วยวัยแค่ 17 ปี โดย ฮาเมส เล่นให้กับ แบนฟิลด์ 2 ปี และมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมผงาดคว้าแชมป์ลีกฟ้าขาวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ในฤดูกาล 2009-2010 

ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเกินวัย ทำให้ ฮาเมส กลายเป็นที่จับตามองของหลายสโมสรในยุโรป จนในที่สุดก็ได้หอบผ้าหอมผ่อนมาอยู่กับ ปอร์โต้ ยักษ์ใหญ่ของลีกโปรตุเกส ซึ่งทุ่มเงิน 7.35 ล้านยูโร กระชากตัวเขามาร่วมทีมในซีซั่น 2010-2011 ซึ่ง ฮาเมส ประสบความสำเร็จอย่างมากกับปอร์โต้ โดยคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกส 3 ปีซ้อน แชมป์เอฟเอ คัพของโปรตุเกส 1 สมัย และแชมป์ยูโรป้า ลีก 1 สมัยในซีซั่น 2010-2011 

ฮาเมสค้าแข้งกับปอร์โต้ 3 ฤดูกาล ซัดไป 32 ลูกจากการลงสนาม 107 นัดในทุกรายการ ก่อนจะย้ายไปลุยลีกเอิง ฝรั่งเศส กับสโมสร โมนาโก ด้วยค่าตัวสูงถึง 45 ล้านยูโร ในปี 2013 ซึ่งเขาได้เล่นให้กับโมนาโกแค่ปีเดียวเท่านั้น ก็ถูกยักษ์ใหญ่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด กระชากตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร แพงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกในขณะนั้น หลังจากได้เห็นฟอร์มอันสุดยอดของ ฮาเมส ในฟุตบอลโลก 2014

ในฤดูกาลแรกกับทีมราชันชุดขาว ฮาเมสเป็นตัวหลักของทีม พร้อมโชว์ผลงานซัดไปถึง 17 ประตูจาก 46 นัดในทุกรายการของซีซั่น 2014/2015 แต่หลังจากนั้น มาดริดมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจาก คาร์โล อันเชลอตติ มาเป็น ราฟาเอล เบนิเตซ และ ซีเนอดีน ซีดาน ทำให้ผลงานของฮาเมสเริ่มดร็อปลงไป รวมถึงโอกาสลงสนามที่ลดลงตามไปด้วย จนในที่สุด ฮาเมสก็ถูกปล่อยไปให้ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว 2 ฤดูกาล ซึ่งทำให้เขาได้มาร่วมงานกับ อันเชลอตติ อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันไม่นาน อันเชลอตติ ก็โดนปลดออกจากตำแหน่ง แต่ผลงานของฮาเมสในช่วง 2 ปีกับทีมเสือใต้ในฤดูกาล 2017/2018, 2018/2019 ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ โดยยิงไป 15 ประตูจาก 67 นัด พร้อมกับได้สัมผัสแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยและแชมป์เดเอฟเบ โพคาล 1 สมัย

ฮาเมส โรดริเกซ

หลังจากหมดสัญญายืมตัวกับบาเยิร์น ฮาเมสกลับไปยังเรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2019/2020 ซึ่งคราวนี้ เขาแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามจากกุนซือ ซีเนอดีน ซีดาน บวกกับปัญหาอาการบาดเจ็บเป็นระยะ ทำให้ฮาเมสได้ลงเล่นลาลีกาเป็นตัวจริงแค่ 5 นัด และยิงได้เพียงลูกเดียวตลอดทั้งซีซั่น 

ด้วยสถานะซึ่งไม่อยู่ในแผนการทำทีมของซีดาน ทำให้ฮาเมสตัดสินใจถอดชุดขาว และเปลี่ยนมาสวมยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน ด้วยการย้ายมาหาความท้าทายใหม่กับ เอฟเวอร์ตัน ในศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้เขาได้ร่วมงานกับบอสที่รู้ใจอย่าง อันเชลอตติ เป็นคำรบที่สาม และดาวเตะทีมชาติโคลอมเบียรายนี้ก็สามารถปรับตัวให้เข้าลีกลูกหนังเมืองผู้ดีได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับงัดฟอร์มเก่งออกมาจนกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลทอฟฟี่สีน้ำเงิน โดยลงสนามไป 26 นัด ยิงไป 6 ประตู

 แต่หลังจากผ่านไปแค่ฤดูกาลเดียว ฮาเมส ก็โดนปล่อยไปเล่นกับ อัล เรย์ยาน ในกาตาร์ ในฤดูกาล 2021/22 และชื่อของเขาก็ค่อยๆหายไปจากหน้าสื่อ ก่อนที่ในฤดูกาล 2022/23 จะย้ายไปอยู่กับ โอลิมเปียกอส ในกรีซ และย้ายไปเล่นกับ เซา เปาโล ในบราซิล ปี 2023 พร้อมกับร่วมคว้าแชมป์ โคปา โด บราซิล แต่สุดท้ายต้องแยกทางกับทีมอีกรอบในปี 2024 นี้ ซึ่งปัจจุบันเขามีสัญญาอยู่กับ ราโย บาเยกาโน ในลาลีก้า สเปน แต่ยังไม่ได้ลงสนามให้กับต้นสังกัด

จะเห็นว่าช่วงท้ายของ ฮาเมส นั้นดูระหกระเหิน และตกต่ำพอสมควร แต่กับทีมชาติโคลอมเบีย นั้น เขายังเป็นส่วนสำคัญอยู่เสมอ ซึ่งนับตั้งแต่เขาขึ้นชุดใหญ่มาในปี 2011 ก็กลายเป็นจอมทัพของทีมเรื่อยมา โดยเฉพาะผลงานล่าสุด ที่เพิ่งพา โคลอมเบีย คว้ารองแชมป์โคปา อเมริกา 2024 ยิ่งทำให้เขาได้รับความชื่นชม โดยปัจจุบันลงเล่นให้ทีมชาติไปแล้ว 108 นัด ยิงไป 29 ประตู

แม้เส้นทางในการเล่นอาชีพกับแต่ละสโมสรจะค่อยๆดิ่งลง และไม่สวยหรูนัก แต่สำหรับบทบาทในทีมชาติโคลอมเบีย ฮาเมส โรดริเกซ ยังคงเป็นผู้นำ และแกนหลักคนสำคัญที่ยังคงพาทีมสู่ความสำเร็จอยู่เสมอ

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top