หากจะพูดถึงนักเตะที่เต็มเป็นด้วยเทคนิก และพรสวรรค์ ชื่อของ เมซุต โอซิล คงติดอยู่อันดับท็อปๆของโลกตลอดกาล เพราะเขาคือสุดยอดนักเตะที่แฟนๆยกย่องให้เป็นเพลย์เมกเกอร์ จอมสร้างสรรค์ และจอมแอสซิสต์ คนหนึ่งของโลก
เมซุต โอซิล เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1988 ที่เมืองเกลเซนเคียร์เชน ประเทศเยอรมนี ในครอบครัวเชื้อสายตุรกีที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากในเยอรมนีตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ฟุตบอลกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเขามักจะใช้เวลาว่างเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ ในละแวกบ้าน ก่อนที่พรสวรรค์จะเริ่มฉายแววอย่างชัดเจน ทำให้ได้รับโอกาสเข้าร่วมอะคาเดมี่เยาวชนของชาลเก้ 04 ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรที่ขึ้นชื่อด้านการพัฒนาแข้งเยาวชนของเยอรมนี
โอซิล เริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับชาลเก้ 04 และได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ในวัยเพียง 17 ปี ก่อนที่เขาจะย้ายไปร่วมทีมแวร์เดอร์ เบรเมน ในปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงในฐานะเพลย์เมกเกอร์ที่มีพรสวรรค์ระดับสูง ด้วยสไตล์การเล่นที่โดดเด่นในการสร้างสรรค์เกม จ่ายบอลแม่นยำ และวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม โอซิล มีบทบาทสำคัญในการพาเบรเมนคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ในฤดูกาล 2008-09 พร้อมกับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในบุนเดสลีกา โดยลงสนามให้เบรเมนไปทั้งหมด 108 นัด ยิงได้ 16 ประตู และทำ 55 แอสซิสต์
การแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ โอซิล เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมชาติเยอรมนีชุดนั้น ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองของสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป ก่อนที่เรอัล มาดริด จะคว้าตัวไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปีเดียวกัน การเล่นให้กับราชันชุดขาวระหว่างปี 2010-2013 ถือเป็นช่วงเวลาที่ โอซิล อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ เขากลายเป็นหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดของโลก ด้วยการทำแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเล่นร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เป็นคู่หูในแนวรุกที่อันตรายที่สุดของยุโรปในช่วงเวลานั้น ตลอด 3 ฤดูกาลที่มาดริด เขาลงสนามไป 159 นัด ยิงได้ 27 ประตู และทำ 81 แอสซิสต์ พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา 1 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 สมัย และซูเปร์โกปา เด เอสปัญญา 1 สมัย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2013 เรอัล มาดริด ตัดสินใจขาย โอซิล ให้กับอาร์เซน่อลด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสโมสรในขณะนั้น ซึ่งการย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลปืนใหญ่ทันที โอซิล เป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกของอาร์เซน่อล และมีบทบาทสำคัญในการช่วยทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ถึง 4 สมัย ตลอดระยะเวลา 8 ปีในลอนดอน เขาลงสนามไป 254 นัด ยิงได้ 44 ประตู และทำ 77 แอสซิสต์
ในช่วงหลังของเส้นทางอาชีพกับอาร์เซน่อล เขาเริ่มมีปัญหากับสโมสรและไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนัก ก่อนจะย้ายไปเล่นในตุรกีกับเฟเนร์บาห์เช่ในปี 2021 โดยลงเล่นให้ทีมดังจากอิสตันบูลไป 37 นัด ยิงได้ 9 ประตู และทำ 3 แอสซิสต์ จากนั้นเขาย้ายไปอิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ในปี 2022 แต่ได้ลงสนามเพียง 8 นัด ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 2023
โอซิล ยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จในระดับทีมชาติ โดยลงเล่นให้ทีมชาติเยอรมนีไป 92 นัด ยิงได้ 23 ประตู และทำ 40 แอสซิสต์ ซึ่งจุดสูงสุดของเขาคือการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล และมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุกของเยอรมนีชุดนั้น
สำหรับ โอซิล แล้วเขายังคงเป็นนักเตะระดับพรสวรรค์สร้างผลงาน และตำนานมากมายไว้ในโลกฟุตบอล โดยเฉพาะการเล่นสุดแสนจะคลาสสิกที่แฟนๆฟุตบอลทั่วโลก ยังคงจดจำเขาได้เป็นอย่างดี