ประวัตินักกีฬา

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก เทพพิทักษ์สุดแกร่ง ผู้เป็นหัวใจสำคัญในแนวรับ ที่ ลิเวอร์พูล ขาดไม่ได้

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก

เป็นเทพพิทักษ์ในแดนหลัง ที่ลงสนามเมื่อไหร่เป็นอุ่นใจได้สำหรับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก ปราการหลังจอมแกร่ง ที่นับตั้งแต่ย้ายมาสู่ ลิเวอร์พูล ก็ช่วยยกระดับให้ “หงส์แดง” กลายเป็นทีมที่มีเกมรับระดับโลก

 เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 1991 ที่เมืองเบรดา ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขามีคุณแม่เป็นชาวซูรินาม ส่วนคุณพ่อเป็นชาวดัตช์ ผู้ซึ่งเคยล้มเหลวกับการพยายามเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับ Willem II

 สมัยยังเด็กนั้น ฟาน ไดจ์ก เป็นเด็กที่ตัวเล็กมาก ทั้งยังถูกพบว่ามีฝีที่ช่องท้อง มีโรคแทรกซ้อน ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต อย่างไรก็ตามหลังจากที่การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี เขาก็ค่อยๆฟื้นฟูร่างกาย พร้อมๆกับมีร่างกายที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

 ฟาน ไดจ์ก ชื่นชอบการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก เขาพยายามจะเล่นฟุตบอลทุกที่ที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณบ้าน หรือบนถนน กระทั่งได้เริ่มเล่นให้กับ  Willem II ในปี 2009  พร้อมกับทำงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กล้างจานไปด้วย

 ฟาน ไดจ์ก เริ่มจากการลงเล่นเป็นแบ๊กขวา แต่เมื่อร่างกายเขาเติบโตขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น ก็ถูกจับมาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถก้าวขึ้นไปยังชุดใหญ่ของ   Willem II ได้ทำให้ ในปี 2010 ฟาน ไดจ์ก ต้องย้ายไปอยู่กับ Groningen ที่ให้ความสนใจในตัวเขามากกว่า

เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก

 เพียงปีเดียวเท่านั้น ฟาน ไดจ์ก ก็ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ Groningen และลงเล่นให้กับทีม 2 ฤดูกาล 62 นัด ทำไปถึง 7 ประตูทั้งที่เป็นกองหลัง ทำให้เป็นที่สนใจของ เซลติก ในสกอตติช พรีเมียร์ ลีก ที่ดึงตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2013

 ยิ่งเล่นยิ่งแข็งแกร่ง และมีประสบการณ์มากขึ้น ทำให้ ฟาน ไดจ์ก กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของเซลติก ที่พาทีมคว้าแชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ ชิพ 2 ฤดูกาลติด และแชมป์ลีก คัพ อีก 1 สมัย รวมถึงติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ สกอตแลนด์ ทั้ง 2 ฤดูกาลอีกด้วย 

 ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมนี้ ทำให้ เซาธ์แฮมตัน ดึงตัวเขามาเล่นในพรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาล 2015/16 ซึ่งการมาเล่นในลีกที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลกนี้ ยิ่งทำให้เขากลายเป็นที่สนใจ และได้รับการจับตามองมากขึ้น กระทั่งฤดูกาล 2017/18 ก็เป็น ลิเวอร์พูล ที่ทุ่มเงินกว่า 75 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขาไปร่วมทีม เป็นสถิติค่าตัวกองหลังที่แพงที่สุดในโลกเวลานั้น 

 และ ฟาน ไดจ์ก ก็ตอบแทน ลิเวอร์พูล ด้วยฟอร์มการเล่นที่เกินราคา ชนิดที่เรียกว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เขาเข้ามายกระดับแผงหลังของทีมได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก 2019/20, แชมป์ เอฟเอ คัพ 2021/22, แชมป์ ลีกคัพ 2021/22, แชมป์ คอมมูนิตี้ชิลด์ 2022, แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2018/19 แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2019 และแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2019

 ในฤดูกาลปัจจุบัน สาเหตุที่ฟอร์มลิเวอร์พูล ดรอปลงไปมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะ ฟาน ไดจ์ก ได้รับบาดเจ็บยาว แต่เมื่อช่วงนี้ เมื่อเขา สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีม ก็ทำให้ฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ค่อยๆดีขึ้นมา และเก็บคลีนชีตไป 5 นัดแล้ว

 ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฟาน ไดจ์ก คือส่วนสำคัญ และเป็นหัวใจในเกมรับที่ ลิเวอร์พูล จะขาดไม่ได้ แน่นอนว่าการมีเขาอยู่ในสนามมันทำให้ ฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ยอดเยี่ยมอย่างที่เห็น

Most Popular

To Top