กำลังตกเป็นข่าวว่าจะได้เข้ามาคุมทัพทีมชาติอังกฤษ สำหรับ โทมัส ทูเคิล กุนซือสมองเพชรที่ประสบความสำเร็จกับทีมใหญ่ๆ มาแล้วหลายต่อหลายทีม และขณะนี้ ทูเคิล ก็กำลังว่างงานอยู่พอดิบพอดี
โทมัส ทูเคิล เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1973 ที่เมือง ครุมบัค ประเทศเยอรมนี สมัยเป็นนักเตะนั้นเขาเคยเล่นให้กับ สตุ๊ตการ์ต คิกเกอร์ส และ เอสเอสวี อูม แต่หลังจากแขวนสตั๊ดในปี 1998 ทูเคิล ก็เดินหน้าศึกษาเรื่องโค้ชและศาสตร์ลูกหนัง จนได้เริ่มต้นด้วยการเข้าเป็นโค้ชทีมเยาวชนของ “ม้าขาว” สตุตการ์ต สโมสรดังของบุนเดสลีกา เมื่อปี 2000 ก่อนจะมีส่วนช่วยสร้างแข้งดาวรุ่งฝีเท้าดี ซึ่งกลายเป็นสตาร์ดังในเวลาต่อมาอย่าง โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ และ มาริโอ โกเมซ
จากนั้น ทูเคิล โยกไปเป็นหนึ่งในทีมสต๊าฟโค้ชเยาวชนของ เอาก์สบวร์ก ในปี 2005 และทำหน้าที่นี้อยู่ประมาณ 3 ปี ก็ได้รับโอกาสขึ้นเป็นเฮดโค้ชทีมสำรอง เอาก์สบวร์ก และไปรับงานเป็นเฮดโค้ชใหญ่ครั้งแรก ให้กับทีมเยาวชนของ ไมนซ์ 05 ในปี 2008
หลังจากทำหน้าที่ในทีมเยาวชนได้แค่ปีเดียว ทูเคิลถูกดันขึ้นมานั่งเก้าอี้กุนซือทีมชุดใหญ่ของ ไมนซ์ โดยเข้ามาเสียบแทน เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ย้ายไปคุม “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์
ฤดูกาล 2009 นั้น ไมนซ์ ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในบุนเดสลีกาพอดี ทำให้ ทูเคิล กลายเป็นกุนซืออายุน้อยที่สุดในศึกบุนเดสลีกาซีซั่น 2009-2010 ด้วยวัยเพียง 35 ปี และ ทูเคิล ก็โชว์ฝีมือ พาทีม ไมนซ์ ซึ่งเป็นน้องใหม่ รอดตกชั้น ด้วยการจบอันดับ 9 ของบุนเดสลีกา อีกด้วย
ต่อมาในฤดูกาล 2010/11 ไมนซ์ ของ ทูเคิล นั้นอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมขีดสุด เมื่อออกสตาร์ตคว้าชัยชนะ 7 นัดติดต่อกัน หนึ่งในนั้นคือการบุกไปชนะ บาเยิร์น มิวนิก ยักษ์ใหญ่ถึงถิ่น 2-1 ทำให้ชื่อของ ทูเคิล ได้รับการพูดถึงอย่างมากขึ้นในเวลานั้น ก่อนที่สุดท้าย ทูเคิล จะพาทีมจบอันดับ 5 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สโมสร
แม้ในฤดูกาลต่อมา ผลงานของ ไมนซ์ จะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเคย เนื่องจากนักเตะหลักหลายคนถูกดึงไปอยู่ทีมอื่น แต่ ทูเคิล ก็ยังพาทีมอยู่ในลีกสูงสุด ก่อนที่ในปี 2015 ทูเคิล จะตัดสินรับงานกับ ดอร์ตมุนด์ ถือเป็นการเดินตามรอย เจอร์เก้น คล็อปป์ อีกครั้ง
แชมป์เดียวที่ ทูเคิล ทำได้กับ ดอร์ตมุนด์ คือ เดเอฟเบ โพคาล ฤดูกาล 2016/17 แต่ผลงานอื่นๆก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ เนื่องจากพา ดอร์ตมุนด์ เกาะหัวตารางคะแนน อยู่ในทุกฤดูกาล จนสุดท้ายในช่วงเดือนพฤษภาคม 2017 ทูเคิล ก็โดนปลดออกจากกุนซือ เนื่องจากทำไม่ได้ตามเป้าหมายคือคว้าแชมป์
หลังจากว่างงานได้ประมาณ 1 ปี ทูเคิล ก็ถูก ปารีส แซงต์ แชร์ก แมง คว้าตัวไปนั่งตำแหน่งกุนซือ ก่อนจะพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งแชมป์ ลีกเอิง 2 สมัย, คูเป เดอ ฟรองซ์ 1 สมัย, คูเป เดอ ลา ลีก 1 สมัย และ โทรฟี เดส แชมเปียนส์ 2 สมัย
อย่างไรก็ตามในช่วงฤดูกาล 2020/21 ทูเคิล มีผลงานไม่ดีนัก รวมถึงมีปัญหากับบอร์ดบริหารทำให้ เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือน เดือนธันวาคม 2020 แต่ผ่านไปแค่เดือนเดียว ทูเคิล ก็ได้รับข้อเสนอจาก เชลซี ให้ไปรับงานแทน แฟรงก์ แลมพาร์ด เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2021
เชลซี ภายใต้การคุมทัพของทูเคิล จบอันดับ 4 ศึกพรีเมียร์ลีก 2020/21 และได้เข้าชิงเอฟเอ คัพ ก่อนจะไปพ่ายต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 แต่ที่สำคัญที่สุดเลยคือพาเชลซี คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ด้วยการเฉือนชนะ แมนฯซิตี้ 1-0 ทั้งที่เพิ่งมาทำงานเพียง 4 เดือนเท่านั้น
หลังจากนั้น ทูเคิล ยังพาเชลซี คว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2021 และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2021 แต่เวลาต่อมาฟอร์มของเชลซี นั้นก็ขึ้นๆลงๆ ไม่สามารถรักษาฟอร์มที่ดีได้ตลอด ทำให้ เขาถูกปลดออกจากทีมในวันที่ 7 กันยายน 2022
ต่อมาในเดือนมีนาคม 2023 ทูเคิล ไปรับงานกับ บาร์เยิร์น มิวนิก ยักใหญ่ในบุนเดสลีก้า แต่แม้เขาจะพาทีมคว้าแชมป์ บุนเดสลีก้า ได้สำเร็จ ในฤดูกาล 2022/23 แต่ในฤดูกาล 2023/24 ต่อมากลับพลาดแชมป์ บุนเดสลีก้า อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เขาถูกปลดออกจากทีมอีกครั้ง
ปัจจุบัน ทูเคิล ยังว่างงาน และเคยมีข่าวเชื่อมโยงกับหลายทีม ในช่วงซัมเมอร์ ที่ผ่านมาทั้ง แมนฯ ยู, เชลซี ก่อนที่สุดท้ายล่าสุดจะเป็นทีมชาติอังกฤษ ซึ่งมีโอกาสสูงอย่างมาก ที่เขาจะตกลงรับงาน
คงต้องมาติดตามกันว่าดีลของ ทูเคิล กับ ทีมชาติอังกฤษ จะเป็นอย่างไร เชื่อว่าอีกไม่กี่วันคงได้บทสรุป