คริส ริกก์ กำลังกลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ ด้วยวัยเพียง 17 ปี เขาก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในฐานะมิดฟิลด์อนาคตไกลของซันเดอร์แลนด์ และตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป ทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล, คริสตัล พาเลซ และเรอัล มาดริด
คริส ริกก์ เกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2008 ที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ เขาเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยการเข้าร่วมอะคาเดมีของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายมาอยู่กับซันเดอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสโมสรที่เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
ด้วยสไตล์การเล่นที่มีความดุดัน ฉลาด และสามารถอ่านเกมได้ดี ทำให้ริกก์ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของซันเดอร์แลนด์ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสรที่ได้ลงสนามในเกมเอฟเอ คัพ เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2023 นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเตะที่ทำประตูได้ในเกมลีก คัพ ในวัยเพียง 16 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของเขา
ในฐานะมิดฟิลด์ ริกก์มีคุณสมบัติครบเครื่อง ทั้งความสามารถในการครองบอล การจ่ายบอลที่แม่นยำ และความขยันในการช่วยเกมรับ นอกจากนี้ เขายังมีวิสัยทัศน์ที่ดี สามารถสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม และมีความนิ่งเกินวัยเมื่ออยู่ในสนาม คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เขาได้รับการเปรียบเทียบกับกองกลางระดับท็อปหลายคนในพรีเมียร์ลีก
ด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจของเขากับซันเดอร์แลนด์ และลงสนามให้กับทีมมาแล้วหลายนัดตั้งแต่อายุ 16 ปี โดย ในฤดูกาล 2023/24 เขาลงสนามไป 22 นัดทำไป 3 ประตู ขณะที่ฤดูกาล 2024/25 ลงสนามไป 27 นัดทำไป 4 ประตู นอกจากนี้ยังถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษในรุ่นเยาวชนมาโดยตลอด ทำให้สโมสรชั้นนำในอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล และคริสตัล พาเลซ ต่างให้ความสนใจในการดึงตัวเขาไปร่วมทีม นอกจากนี้ ยังมีเรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่จากสเปน ที่จับตาดูพัฒนาการของเขาอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพอันสูงส่งของเจ้าหนูรายนี้
แม้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายทีม แต่ซันเดอร์แลนด์ยังคงพยายามรั้งตัวริกก์ไว้กับทีม โดยหวังว่าเขาจะเป็นแกนหลักของสโมสรในอนาคต อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถและความมุ่งมั่นของเขา โอกาสที่เขาจะก้าวไปสู่เวทีระดับท็อปของยุโรปดูจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ปัจจุบัน ริกก์ยังคงพัฒนาฝีเท้าของตัวเองในแชมเปี้ยนชิพ และแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในสนาม แม้อายุยังน้อยก็ตาม การที่เขาสามารถแข่งขันกับนักเตะที่มีประสบการณ์มากกว่าได้อย่างไม่เป็นรอง ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ และหากเขายังคงรักษาพัฒนาการเช่นนี้ไว้ได้ การก้าวขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกหรือเวทีระดับทวีปยุโรปคงไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม
