ประวัตินักกีฬา

คีลียัน เอ็มบัปเป แข้งระดับปรากฎการณ์ของโลกฟุตบอล

คีลียัน เอ็มบัปเป แข้งระดับปรากฎการณ์ของโลกฟุตบอล

 นาทีนี้คงไม่มีแฟนบอลคนไหนในโลกไม่รู้จัก คีลียัน เอ็มบัปเป นักเตะที่ใกล้เคียงกับสมยา ดีที่สุดในโลก คนต่อไปในอนาคต ซึ่งช่วงนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังจากมีข่าวหนาหูเกี่ยวกับการย้ายทีม

 เอ็มบัปเป มีชื่อเต็มว่า คีลียัน เอ็มบัปเป ลอตติน เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 1998 ในย่าน บองดี ซึ่งเป็นชุมชนในกรุงปารีส ครอบครัวของเขาอุดมไปด้วยนักกีฬา โดย วิลเฟรด คุณพ่อเชื้อสายแคเมอรูน ของเขาเป็นอดีตนักฟุตบอลของสโมสร เอเอส บองดี หลังแขวนสตั๊ดก็ยังเข้ามาเป็นผู้อำนวยการกีฬาสโมสร

ขณะที่คุณแม่ เฟย์ซา ลามารี ก็เป็นอดีตนักกีฬาแฮนด์บอล นอกจากนี้ พี่ชายนอกสมรส จิเรส เคมโบ เอโคโค ก็เป็นนักฟุตบอลเช่นกัน ทำให้ เอ็มบัปเป นั้นได้รับอิทธิพลตรงนี้มาเต็มๆ และแน่นอนว่านั่นทำให้เขาชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลเช่นกัน

คีลียัน เอ็มบัปเป

 เอ็มบัปเป ได้รับการฝึกฝนฟุตบอลจากคุณพ่อมาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งยังชอบออกไปเล่นฟุตบอลกับพี่ชาย จนอายุได้ 6 ขวบเขาก็เข้าเป็นผู้เล่นเยาวชนของ เอเอส บองดี สโมสรที่คุณพ่อทำงานอยู่ ในปี 2004 ซึ่งในช่วงฝึกฝนนี้ นอกจากคุณพ่อ และพี่ชายของเขาแล้ว เขายังมี ซีเนอดีน ซีดาน และคริสเตียโน โรนัลโด เป็นไอดอล และมีความฝันสูงสุดในการไปค้าแข้งกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด

 “เขามีเทคนิคและวิสัยทัศน์ในเกมที่เด็กส่วนใหญ่ไม่มี เขาเหมือนมีตาอยู่ด้านหลังศีรษะของเขา เขารู้วิธีคาดการณ์ว่าลูกบอลจะไปทางไหน ที่นี่ เขาไม่เคยเล่นให้กับกลุ่มอายุเดียวกับเขาเลย เขามักจะเล่นกับเด็กที่โตกว่าเพราะไม่มีประโยชน์ที่จะทิ้งเขาไว้กับเด็กเดียวกับเขา” อัตมาเน ไอรูเช ประธานเอเอส บองดี กล่าวถึงเอ็มบัปเป ในวัยเด็ก

 หลังจากฝึกฝนกับสโมสรของคุณพ่ออยู่เกือบ 10 ปี ช่วงระหว่างนั้นเขาได้แสดงพรสวรรค์มากมาย มีแมวมองจากทั้ง เรอัล มาดริด, เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และบาเยิร์น มิวนิก พยายามจะดึงตัวเขาไปร่วทีม โดยเมื่อครั้งอายุได้ 11 ขวบ เรอัล มาดริด เชิญ เขาไปฝึกซ้อมกับทีมอายุ 12 ปี

และเยี่ยมชมสิ่งอำนวยความสะดวกของสโมสร และตอนอายุ 14 ปี เขาได้เดินทางไปลอนดอนตามคำเชิญของเชลซี เพื่อลงเล่นให้กับทีมเยาวชนของพวกเขากับชาร์ลตัน แอธเลติก แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะยังไม่ออกจากฝรั่งเศส โดยมาอยู่กับสโมสร โมนาโก

 ผ่านไป 2 ปีเท่านั้น เอ็มบัปเป ถูกดันจากทีมเยาวชน ขึ้นมาอยู่กับทีมสำรองของโมนาโก แต่ด้วยฝีเท้าอันโดดเด่นจนเกินที่จะหยุดอยู่แค่นี้ ทำให้ผ่านไปเพียง 3 สัปดาห์ เขาก็ถูกดันขึ้นไปฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ในทันที ก่อนที่ 2 เดือนต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม 2015

เขาก็ได้รับโอกาสลงสนามในฐานะตัวสำรอง และกลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของโมนาโก ที่ลงสนามในลีกเอิง ฝรั่งเศส ในวัย 16 ปี 347 วัน ทำลายสถิติของเธียร์รี อองรีเมื่อ 21 ปีก่อน

 จากนั้นไม่นาน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2016 เอ็มบัปเป้ สามารถทำประตูแรกได้สำเร็จ และกลายเป็นผู้ทำประตูในลีกเอิง ที่อายุน้อยที่สุดของโมนาโก ด้วยวัย 17 ปี 62 วัน ทำลายอีกหนึ่งสถิติของ อองรี อีกครั้ง ก่อนที่ 6 มีนาคม 2016 เอ็มบัปเป้ จะได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกเป็นเวลา 3 ปี โดย วาดิม วาซิลเยฟ รองประธานโมนาโก พูดไว้สั้นๆตอนนั้นว่า “เขา (เอ็มบัปเป) คือปรากฏการณ์”

 ในฤดูกาลถัดมา 2016-17 เอ็มบัปเป้ กลายเป็น ปรากฎการณ์ อย่างแท้จริง เมื่อลงเล่นไป 44 นัดยิงไปทั้งหมด 26 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ อีกทั้งผลงานใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพาทีมทะลุถึงรอบรองชนะเลิศ แม้สุดท้ายจะพ่ายยูเวนตุส ตกรอบก็ตาม แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ยักษ์ใหญ่ในยุโรป พุ่งเป้ามาที่เขากันแบบตาเป็นมัน

คีลียัน เอ็มบัปเป

 เอ็มบัปเป มีกระแสอย่างหนักว่าจะได้ไปร่วมทีมราชันชุดขาวภายใต้การกุมทีมของซีเนดีน ซีดาน ไอดอลคนหนึ่งของเขา แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เซอร์ไพรส์ด้วยการเลือกไปอยู่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยสัญญายืมตัว พร้อมพ่วงสัญญาซื้อขาดมูลค่ากว่า 145 ล้านยูโร (บวกโบนัสอีก 35 ล้านยูโร) รวมเป็นเงินราว 180 ล้านยูโร หรือ 6.9 พันล้านบาท 

 แน่นอนว่าหลังจากย้ายมาสู่ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เปเอสเช ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก คว้าแชมป์ลีกเอิงเพิ่มอีก 3 สมัย แชมป์ฟุตบอลถ้วยอีก 3 สมัย รวมถึงการคว้าแชมป์โลก และแชมป์ เนชันส์ ลีก กับทีมชาติฝรั่งเศส ด้วย  

 ถึงจุดนี้ เอ็มบัปเป ดูเหมือนจะเริ่มหมดความท้าทายในลีกเอิงแล้ว รวมถึงการมาของ ลิโอเนล เมสซี ที่อาจทำให้รัศมีของเขาถดถอยลงไป นั่นทำให้ก่อนเปิดฤดูกาล 2022 เอ็มบัปเป มีข่าวอย่างหนักว่าเตรียมจะย้ายไป เรอัล มาดริด ทีมในฝันของเขา แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ เอ็มบัปเป เซอร์ไพรส์เลือกจะต่อสัญญาใหม่ออกไปอีกเป็นเวลา 3 ปี รับค่าเหนื่อยมหาศาล

โดยมีรายงานว่าเขาจะได้รับโบนัส 300 ล้านยูโรในการเซ็นสัญญาครั้งนี้ และก็ค่าจ้าง 100 ล้านยูโรต่อปีหลังหักภาษี นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งในลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์และโบนัสความสำเร็จทั้งในและนอกสนาม ซึ่งนั่นทำให้ เอ็มบัปเป้ กลายเป็นนักเตะที่ได้รับค่าจ้างแพงที่สุดในโลก

 อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดฤดูกาลได้ไม่เท่าไหร่ ดูเหมือน เอ็มบัปเป จะเริ่มมีความคิดอยากย้ายทีมอีกครั้ง เมื่อสื่อดังต่างพากันตีข่าวว่าเขาไม่มีความสุขกับทีม และกำลังมองหาความเป็นไปได้ที่จะย้ายออกในช่วงตลาดหน้าหนาวนี้ 

 คงต้องติดตามกันต่อไปสำหรับสถานการณ์ของ เอ็มบัปเป ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะย้ายออกจาก เปเอสเช หรือไม่ แต่สิ่งที่ยืนยันได้ทันทีคือไม่ว่าสุดท้ายแล้วเขาเลือกจะอยู่ต่อ หรือทีมไหนได้ตัวเขาไป นักเตะอย่าง เอ็มบัปเป จะยังคงเป็น ปรากฏการณ์ กับสโมสรนั้นๆ และกับโลกฟุตบอลแน่นอน

Most Popular

To Top