การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพ รายการ “อู๋ฮั่น โอเพ่น 2023” ที่เมืองอู๋ฮั่น ยิมเนเซีย เมือง อู๋ฮั่น ประเทศจีน ชิงเงินรางวัลรวม 700,000 ปอนด์ หรือราว 31,144,202 บาท ส่วนแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 140,000 ปอนด์ หรือราว 6,228,049 บาท โดยล่าสุดเป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ จัดด์ ทรัมป์ มืออันดับ 4 ของโลก ที่เพิ่งคว้าแชมป์ อิงลิช โอเพ่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลงดวลกับ อาลี คาร์เตอร์ มืออันดับ 11 ของโลก จากอังกฤษ
เริ่มเซสชั่นแรกเกมสูสี คาร์เตอร์นำแค่ 5-4 เฟรม โดย ทรัมป์ เปิดตัวด้วยเบรก 72 ขึ้นนำ 1-0 คาร์เตอร์ทำเซ็นจูรี่เบรกแรกของเกม 103 แต้ม ตีเสมอ 1-1 แต่ทรัมป์ยังดีกว่า เก็บได้อีก 3 เฟรมรวด นำไปถึง 4-1 แต่คาร์เตอร์พลิกเกมได้ ทำรวดเดียว 4 เฟรม แซงนำ 5-4 จุดเริ่มต้นมาจากลูกแดงลงหลุมมุมล่าง แล้วต่อเบรก 49 แต้มได้เฟรมที่ 6
กลับมาแข่งเซสชั่นสอง ทรัมป์ เปิดตัวดีเช่นเคย คราวนี้ทำเซ็นจูรี่เบรก 116 แต้ม ตีเสมอ 5-5 แล้วเดินหน้าต่ออีก 2 เฟรมรวด นำ 7-5 ด้วยเบรก 56 กับ 71
คาร์เตอร์ยังสู้ ทำเบรก 56 จี้มา 6-7 แต่ทรัมป์เบียดชนะ 2 เฟรมถัดมา หนีไปขึ้นแท่น 9-6 และมีโอกาสชนะทันทีเมื่อเบรกไป 57 ในเฟรมถัดมา แต่คาร์เตอร์ไม่ยอมแพ้ ทำเบรก 68 ไล่มา 7-9
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ที่กำลังมั่นใจ เดินหน้าทำเซ็นจูรี่เบรก 105 แต้ม ปิดเกมเอาชนะ 10-7 เฟรม สกอร์ สรุปเซสชั่นแรก 118(72)-0, 0-103(103), 88-56(52), 84-24, 105(58)-30, 27-80, 0-68, 47-70, 48-77 เซสชั่นสอง 116(116)-14, 83(56)-1, 75(71)-31, 25-76(56), 76-43, 62-46, 57(57)-74(68), 122(105)-0 โดย จัดด์ ทรัมป์ คว้าแชมป์อู๋ฮั่น โอเพ่น พร้อมเงินรางวัล 140,000 ปอนด์ หรือราว 6.2 ล้าน ส่วน คาร์เตอร์ ได้รับเงินรางวัล 63,000 ปอนด์ หรือราว 2.3 ล้านบาท บวกกับโบนัสจากการทำเบรกสูง 145 แต้มที่เขาแชร์กับอารอน ฮิลล์ 2,500 ปอนด์ หรือราว 1.1 แสนบาท ปลอบใจ
สำหรับ ทรัมป์ ที่เพิ่งได้แชมป์อิงลิช โอเพ่น ก่อนบินมาคว้าแชมป์อู๋ฮั่น รายการนี้ ถือเป็นแชมป์เก็บคะแนนที่ 24 และ 25 ทำให้ทรัมป์ก้าวขึ้นไปทาบ มาร์ก วิลเลี่ยมส์ เป็นผู้เล่นที่คว้าแชมป์สูงสุดอันดับ 5 ร่วม เป็นรองเพียง รอนนี โอซุลลิแวน (38 รายการ), สตีเฟ่น เฮนดรี้ (36), จอห์น ฮิกกิ้นส์ (31) และ สตีฟ เดวิส (28) เท่านั้น
นอกจากนั้นยังเป็นครั้งที่ 4 ที่ ทรัมป์ สามารถคว้าแชมป์ 2 รายการติดต่อกัน และกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 3 เท่านั้นที่คว้าแชมป์ 2 รายการติดต่อกันใน 2ประเทศ ตามรอย เฮนดรี้ ที่ทำไว้ในปี 1990 และ มาร์ก วิลเลียมส์ ปี 2002
