จามาล เมอร์รีย์ การ์ดตัวเก่งตัดสินใจต่อสัญญาใหม่กับ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ออกไปอีก 4 ปีมูลค่า 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของ “เอเดรียน วอยนารอฟสกี้” ผู้สื่อข่าว “อีเอสพีเอ็น”
โดย เมอร์รีย์ เล่นกับ นักเก็ตส์ ตั้งแต่ปี 2016 หรือนับตั้งแต่ที่ถูกดราฟต์เข้าสู่ลีกเอ็นบีเอ และยังไม่เคยย้ายสังกัดเลยนับตั้งแต่นั้น ซึ่งเจ้าตัวมีส่วนสำคัญร่วมกับ นิโกลา โยคิช ในการพาทีมคว้าแชมป์มาครองเมื่อฤดูกาล 2023
ขณะที่ในฤดูกาลก่อนการ์ดจ่ายวัย 27 ปี เมอร์รีย์ ทำคะแนนเฉลี่ยต่อเกมในฤดูกาลที่ผ่านมาดีสุดในอาชีพ 21.2 แต้ม เป็นอันดับ 2 ของ นักเก็ตส์ รองจาก โยกิช ซึ่งเป็นเจ้าของรางวัลเอ็มวีพีเท่านั้น นอกจากนี้เจ้าตัวยังทำ 4.1 รีบาวด์ และ 6.5 แอสซิสต์ต่อเกมด้วย
จนล่าสุด “อีเอสพีเอ็น” ระบุ เมอร์รีย์ บรรลุข้อตกลงใหม่ในการต่อสัญญาใหม่กับ นักเก็ตส์ ด้วยสัญญา 4 ปี มูลค่า 208 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และทำให้เจ้าตัวจะรับค่าตอบแทนเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2025 บวกกับเงิน 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีสุดท้ายของสัญญาฉบับปัจจุบันของเขา
จากนั้นข้อตกลงใหม่จะเริ่มต้นในซีซั่น 2025-2026 มูลค่า 46.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, ฤดูกาล 2026-2027 มูลค่า 50.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, ฤดูกาล 2027-2028 มูลค่า 53.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตบท้ายด้วยซีซั่น 2028-2029 มูลค่า 57.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามนอกจากข่าวดีเรื่องการต่อสัญญาของ เมอร์รีย์ นักเก็ตส์ กลับเจอข่าวร้ายในองค์กรหลังมีกระแสว่า ไมเคิล มาโลน เฮดโค้ช ไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนขุมกำลังจาก คัลวิน บูธ ผู้จัดการทั่งไปจนอาจมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องไป
รายงานจาก “เดนเวอร์ โพสต์ สปอร์ตส์” ระบุว่า มาโลน อาจไม่สามารถทำงานร่วมกับ บูธ ได้อย่างสนิทใจกันได้อีกหากไร้การสะสางเพราะมุมมองต่อขุมกำลังเพื่อล่าความสำเร็จไปคนละทาง โดยสาเหตุมาจากการที่ นักเก็ตส์ เสียผู้เล่นที่ยิงไกลดี และป้องกันเหนียวแน่นอนอย่าง เคนทาเวียส คัลด์เวลล์-โพ้พ เข้าตลาดฟรีเอเจนต์ต่อเนื่องอีกปีทั้งที่ก่อนนั้น 2 ตัวสำรองที่ใช้งานได้อย่าง เจฟฟ์ กรีน, บรูซ บราวน์
ก็ถูกปล่อยหมดสัญญา
โดยเจตนาของ บูธ คือผลักดันผู้เล่นวัยหนุ่ม ควบคู่ปรับโครงสร้างเพดานค่าจ้าง ทว่าผลลัพธ์ในคอร์ตยังไม่มีผู้เล่นอายุน้อยรายใดทดแทนได้แบบตำแหน่งต่อตำแหน่งจนความหวังได้แชมป์เอ็นบีเออีกครั้งนับจากปี 2023 เกิดเครื่องหมายคำถาม
