ทีมชาตินอร์เวย์ อาจมีตัวชูโรงเด่นๆอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ และมาร์ติน โอเดนการ์ด แต่ในแดนกลาง ยังมี ซานเดอร์ เบอร์เก แข้งห้องเครื่องวัย 25 ปี จาก เบิร์นลี ที่เป็นอีกหนึ่งนักเตะสำคัญ
ซานเดอร์ การ์ด โบลิน เบอร์เก เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1998 ที่เมืองเบรัม ประเทศนอร์เวย์ เขามีพ่อเป็นชาวนอร์เวย์ ส่วนแม่เป็นชาวสวีเดน โดยครอบครัวของเขาถือเป็นครอบครัวกีฬา ที่คุณพ่อและ พี่ชายเล่นเบสเกตบอลระดับอาชีพ ส่วนคุณปู่ก็เป็นอดีตนักฟุตบอล ตำแหน่งแบ๊กซ้ายของทีมโวเลเรนกา
เบอร์เก ไม่ได้เลือกเล่นบาสเกตบอล เหมือนกับพี่ชาย หรือคุณพ่อ แต่เขาหลงใหลในเชิงลูกหนังเหมือนกับคุณปู่ของเขา โดยเขาเริ่มฝึกฝนกับทีมเยาวชนของ อัสเกอร์ ตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะถูกดันขึ้นมาสู่ทีมสำรอง และทีมชุดใหญ่ ช่วงอายุได้เพียง 15 ปี เท่านั้น
ช่วงปี 2013-2014 เบอร์เก ได้รับโอกาสสลับลงเล่นระหว่างทีมสำรอง และทีมชุดใหญ่ของ อัสเกอร์ ก่อนที่ในปี 2015 จะเป็น วาเลเรนกา ที่ดึงตัวเขาไปร่วมทีม ด้วยวัยเพียง 17 ปี
เบอร์เก ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง แถมทำได้ 1 ประตูในปีแรกที่เขาย้ายมาเล่นให้กับ วาเลเรนกา และด้วยฟอร์มอันโดดเด่น และดูดีมีอนาคตนี้เองทำให้ เกงค์ ในเบลเยียม คว้าตัวเขาไปร่วมทีม
เบอร์เก กลายเป็นมิดฟิลด์ ตัวรับที่ฟอร์มดีวันดีคืน เขาค่อยๆสั่งสมประสบการณ์ และเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นนักเตะแกนหลักของ เกงค์ ก่อนจะร่วมคว้าแชมป์ ลีกเบลเยียม ฤดูกาล 2018/19 และแชมป์เบลเยียม ซูเปอร์ คัพ 2019
ต่อมาเป็น เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่ให้ความสนใจ และดึงตัวเขามาร่วมทีม แม้สุดท้ายแล้ว เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จะต้องตกชั้นลงไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ แต่ เบอร์เก ก็ถือเป็นนักเตะแกนหลักของทีมที่ลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในฤดูกาล 2022/23 ที่ลงเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ ไปถึง 43 เกม และยิงได้ถึง 7 ประตู
จากฟอร์มอันโดดเด่น ได้รับการจับตามองนี้เอง ทำให้ เบิร์นลี คว้าตัวเขามาร่วมเล่นในพรีเมียร์ ลีกอีกครั้งในฤดูกาลล่าสุด โดยปัจจุบัน เบอร์เก ลงสนามไปแล้ว 10 นัด ยิงไป 1 ประตู กำลังมีฟอร์มที่ดีกับทีม
ในส่วนทีมชาติ เบอร์เก ที่ฉายแววเด่นมาตั้งแต่เด็ก ก็ถูกเรียกตัวตั้งแต่ นอร์เวย์ ชุดยู-15 และอยู่ในสารบบทีมชุดเยาวชนมาทุกชุด ก่อนจะถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2017 ช่วงที่เขากำลังฟอร์มดีกับ เกงค์ ในเบลเยี่ยม ก่อนจะกลายมาเป็นตัวหลักของทีมชาติร่วมกับ โอเดการ์ด และ ฮาลันด์ ในปัจจุบัน
เชื่อว่า เบอร์เก จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมชาตินอร์เวย์ ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยนักเตะคุณภาพประสบความสำเร็จ รวมถึงในระดับสโมสรด้วยไม่ว่าต้นสังกัดของเขาจะเป็นทีมใดก็ตาม