หากจะกล่าวว่าที่ผลงานช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดนักเตะที่สามารถเปลี่ยนเกมได้อย่าง “ดิโอโก โชต้า” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะปกติแล้วในวันที่ทีมอยู่ในช่วงคับขัน แนวรุกวัย 25 ปี รายนี้มักจะลงมายิงประตูสำคัญให้ทีมอยู่เสมอ
ดิโอโก โชต้า มีชื่อเต็มว่า ดิโอโก โชเซ เตเซรา ดา ซิลวา เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1996 ที่มาสซาเรลอส ในเมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส โดยละแวกบ้านของเขาเป็นย่านชุมชน ที่มีทั้งร้านกาแฟ มหาวิทยาลัย ร้านค้าต่างๆ ทำให้เขามักจะได้พบกับคนมากหน้าหลายตาอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โชต้า พร้อมกับน้องชาย อังเดร ซิลวา มักจะพากันเตะฟุตบอลเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน โดยมีคุณพ่อคุณแม่ที่พร้อมสนับสนุน กระทั่งอายุได้ 9 ขวบ โชต้า ก็ได้โอกาสเข้าไปฝึกฝนฟุตบอลกับ กอนโดมาร์ สโมสรเล็กๆในย่านนั้น
8 ปีต่อมา โชต้า ในวัย 17 ปี ได้ย้ายมาอยู่กับ ปากอส เด เฟอร์เรรา สโมสรที่ชื่อเสียงด้านเยาวชนของโปรตุเกส ด้วยจุดเด่นที่มีความเร็ว เลี้ยงกินตัว 1 ต่อ 1 ได้ดี ทำให้เขาใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นในการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ก่อนจะเล่นให้ ปากอส 2 ฤดูกาล ลงไป 41 นัดยิงไป 14 ประตู
ปี 2016 แอเลติโก มาดริด ที่จับตามอง โชต้า มาพักใหญ่ ได้ตัดสินใจคว้าตัวเขามาร่วมทีม โดยเซ็นสัญญากัน 5 ปี อย่างไรก็ตามยังไม่ทันจะเปิดฤดูกาล “ตราหมี” ก็ปล่อยให้ โชต้า ไปเล่นกับ ปอร์โต้ เพื่อพัฒนาฝีเท้าด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งเขาก็ใช้เวลาไม่นาน กดแฮตทริกแรก ในเกมที่ ปอร์โต้ บุกไปเอาชนะ นาซิอองนาล 4-0 ทั้งยังยิงประตูในแชมเปียนส์ ลีก ในเกมที่ทีมเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 5-0 ได้อีกด้วย ซึ่งจบฤดูกาลนี้ โชต้า ลงเล่นให้ ปอร์โต 27 นัด ยิงไป 8 ประตู
ฤดูกาลต่อมา เป็น วูล์ฟ ที่ยืมตัว โชต้า มาลองเล่นในแชมเปี้ยน ชิพ อังกฤษบ้าง ซึ่งซีซั่นนี้เอง โชต้า ได้เปลี่ยนจากดาวรุ่งที่กำลังพัฒนา กลายเป็นนักเตะที่โดดเด่นคนหนึ่งในลีกผู้ดี โดยลงเล่นให้ทีมไป 44 นัดยิงไป 17 ประตู รั้งที่ 5 ในอันดับดาวซัลโว ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้ทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ ลีก และนั่นทำให้ วูล์ฟ ไม่รอช้าที่จะควักเงิน 14 ล้านยูโร ดึงโชต้า มาร่วมทีมแบบถาวรทันทีในปี 2018 โดยที่ยังไม่ได้ลงสนามให้กับ แอตเลติโก มาดริด เลยสักนัดเดียว
หลังจากขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุด อังกฤษ โชต้า กลายเป็นนักเตะสุดอันตราย ที่ทีมจะขาดไม่ได้ 2 ฤดูกาลบนพรีเมียร์ ลีกกับการเป็นนักเตะของ วูล์ฟ เต็มตัว เขาลงสนามไป 67 นัด ยิงไป 16 ประตู ก่อนจะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ทุ่มเงิน 45 ล้านยูโร ดึง โชต้า มาเสริมแนวรุกให้กับทีม
โชต้า ใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นขวัญใจของเหล่า “เดอะ ค็อป” เขายิงประตูแรกในการเปิดตัวกับ ลิเวอร์พูล ได้ทันทีในเกมชนะ อาร์เซนอล 3-1 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2020 ก่อนที่จะยิงต่อเนื่องในเกมที่ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 และเป็นผู้ทำประตูที่ 10,000 ของลิเวอร์พูล ในเกมกับ มิดทิลแลนด์ รอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เท่านั้นไม่พอยังกดแฮตทริก ในเกมที่เอาชนะ อตาลันต้า 5-0 นั่นทำให้เขาจารึกชื่อเป็นนักเตะคนแรก ที่ทำได้ 7 ประตูใน 10 นัดแรก นับตั้งแต่ ร็อบบี ฟาวเลอร์ เคยทำได้ในปี 1993
แม้ส่วนใหญ่แล้ว โชต้า จะตกเป็นตัวสำรองของ 3 ประสานอย่าง ซาดิโอ มาเน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโรแบร์โต ฟีร์มีโน แต่เมื่อได้รับโอกาสลงสนาม เขาก็มักจะเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ชนิดที่ไม่ทำให้ศักยภาพทีมดรอปลงไปเลย
ปัจจุบัน โชต้า ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปแล้ว 55 นัด ยิงไป 24 ประตู ถือเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมจริงๆ สำหรับนักเตะที่ไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ ส่วนในฤดูกาลล่าสุด 2022 เพิ่งลงไปได้นัดเดียวเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ โดยล่าสุดกลับมาเล่นได้แล้วในเกมกับเอฟเวอร์ตัน ที่ผ่านมา ร่วมถึงกับทีมชาติ โปรตุเกส ในศึกเนชันส์ ลีก
แฟนลิเวอร์พูล คงใจชื้นกันขึ้นมาบ้าง เพราะนักเตะขวัญใจ ที่ไว้ใจได้ กลับมาลงสนามแล้ว และเครื่องจักรสีแดงคงจะกลับมาดุดันอีกครั้ง หากมี โชต้า อยู่ในสนาม ไม่ว่าลงเล่นตั้งแต่เริ่มเกม หรือนาทีไหนก็ตาม
