จากกรณี นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือต๋อง ศิษย์ฉ่อย อายุ 53 ปี ยอดนักสนุกเกอร์ไทย ที่เคยขึ้นมือ 3 ของโลก และเพิ่งคว้าเหรียญทองสนุกเกอร์ 6 แเดง ชายคู่ ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ออกมาเปิดเผยเรื่องราวหลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินเพื่อยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและคดีฟอกเงิน ไป 10 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3.2 ล้านบาท จนเหลือเงินสดเพียง 8,000 บาท
ล่าสุด ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ได้เปิดใจผ่านรายการ “คุยแซ่บ Show” พร้อมเล่าว่าทำไมถึงตกเป็นเหยื่อ ทั้งๆ ที่ก็ระมัดระวัง รวมไปถึงคืบหน้าว่าจะได้เงินคืนหรือไม่
“วันที่ 16 หลังจากที่เราได้ไปแข่งขันซีเกมส์มา ก็ได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามาว่าผมนี่ ว่าเราชื่อนี้นะ ปลายสายก็บอกว่าโทรมาจากเคทีซีแบงกิ้งนะ คุณมียอดเงินที่ใช้เงิน 89,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็เพิ่งจะเคลียร์เงินไป 60,000 กว่าบาทก่อนจะบินไปซีเกมส์ จังหวะมันพอดี เรามีลิมิตในการช้อปปิ้ง 1 แสนบาทและช้อปไป 6 หมื่นกว่าบาท และเราจะไปซื้อเก้าอี้เพิ่ม แต่มันโดนบล็อกเหมือนเราใช้วงเงินเกิน เราไม่เคยติดหนี้ด้วย เราเลยเอ๊ะใจ ก็เลยคิดว่ากลับมาจากซีเกมส์แล้วค่อยมาจัดการ พอโทรศัพท์โทรมาพอดี ถามว่าเอะใจไหม คือปลายสายเขาเป็นผู้หญิง พูดจาดี เรากำลังรีแลกซ์เพราะเพิ่งได้เหรียญทองมาด้วย และเราอยากรู้เรื่องนี้พอดี เราก็ยืนยันว่าเราไม่ได้ใช้เกินลิมิต และเราก็เพิ่งจ่ายไปเองเขาเลยขออนุญาตเรียกชื่อเล่นเรา แนะนำให้เราไปรายงานตัวที่ สภอ.นครสวรรค์ และก็โอนสายไปที่ สภอ. เราก็เห็นว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่เขาบอก และทางปลายสายก็บอกว่าขอเป็นวิดีโอคอลได้ไหม เราก็บอกว่าดีเลย จะได้รู้ว่าคุณเป็นตำรวจจริงไหม แลกไลน์กัน วิดีโอคอลมา เขาเป็นตำรวจริงๆ เขาเอานามบัตรให้ดู เราก็ไปเช็ก มันก็มีชื่อนี้อยู่จริงๆ แต่ภาพที่เราวิดีโอคอลมันอาจจะไม่ชัด แต่เห็นว่าเป็นชุดตำรวจจริงๆ เขายังบอกว่าลูกสาวของเขาเองเป็นแฟนคลับคุณต๋อง พร้อมบอกจะขอเลี้ยงข้าวสักมื้อ
และผ่านไป 5 นาที เขาก็บอกว่ามีข่าวร้ายว่าเราไปขายบุ๊กแบงค์ให้ใครหรือเปล่า ไปขายในราคา 50,000 บาทที่จันทบุรี เขาก็แคปหน้าบุ๊กแบงค์ เป็นชื่อเราด้วย ซึ่งเราไม่เคยไปทำเลย มันคือความเนียนที่ยิ่งทำให้เรายิ่งเชื่อ ผมก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เขาก็ยังบอกว่ามันมีมากกว่านั้นอีกถามว่ารู้จักนายสัญญา แซ่ลี้หรือเปล่า บุคคลนี้เพิ่งโดนจับไปเมื่อ 2 อาทิตย์เพราะเป็นพ่อค้ายาเสพติด บุคคลนี้โอนเงินให้ผม 850,000 บาท ผมยิ่งตกใจไปอีก เรายังบอกว่าให้ไปเช็กเส้นทางการเงินก็ได้ ซึ่งนี่ก็คือที่มาว่าทำไมเขาได้ดูบัญชีเราได้”
“อย่างที่เรามาตลอด เราเริ่มเบลอ สติเริ่มไม่อยู่กับตัว พอเริ่มมียูนิฟอร์มเข้ามา มีนามบัตรเข้ามา และเรียกคุณต๋องทุกคำ เราเลยไว้ใจ เราไม่ได้คิดว่าเขาจะมาหลอก เราเลยให้ความร่วมมือ เขาพูดดี เขาบอกว่าขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่เช็ก 5 บัญชีของคุณต๋องได้ไหม โดยระยะเวลาที่คุย 3 ชม. แต่เพื่อนก็บอกว่าวางได้แล้ว โดนหลอกแล้ว แต่เราก็ไม่ฟังเพราะเรากำลังให้ความร่วมมือ และยังบอกว่าชื่อผมอยู่ที่ศาล ซึ่งถ้าผมไม่ให้ความร่วมมือ เขาบอกว่า อีก 1 ปี 6 เดือนค่อยคุยกันใหม่นะ และก็เปลี่ยนไปอีกเสียงนึง ทำให้เราตื่นตระหนกแล้ว เขารู้ว่าผมเริ่มกลัวแล้ว และที่น่ากลัวคือเขารู้เวลาเรากลับมาถึงเมืองไทยด้วย จนเพื่อนมากระชากมือถือไปบอกว่าโดนหลอกแล้ว ไม่ต้องคุยแล้ว”
“โอนไป 10 ครั้ง ครั้งแรกโอนไป 499,999 บาท 99 เป็นรหัสของ 191 เขาก็บอกไม่มีการโกงแน่นอน และมีเรื่องยาเสพติดเข้ามา ยิ่งทำให้เรากังวลไปอีก เขาให้เราโอนให้กับตำรวจ ปลายทางของชื่อบัญชีเป็นชื่อของผู้หญิง 2 คน เราก็เอะใจแล้ว ว่าทำไมไม่ชื่อตำรวจที่เราคุยกัน นี่คือพิรุธ แต่เขาก็ให้เราไปเพิ่มวงเงิน เขายังรู้เลยว่าเรามีเงินเท่าไรในบัญชี เพราะเขาให้เราไปเพิ่มวงขึ้นให้เท่ากับเงินในบัญชี จะได้ให้เราโอนทีเดียว และเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ เขาบอกว่าใครที่มีแอพฯ ธนาคาร นั่นคือสะพานข้ามไปหามิจฉาชีพ และคนที่ใช้แอนดรอยด์ต้องระวัง”
“คือตอนที่เรากำลังจะโอนครั้งที่ 11 ปลายสายบอกให้ไปหามาอีก 1 ล้าน เขาบอกว่าระดับคุณต๋องโทรไปยืมใครก็ได้เราเริ่มเอะใจเข้าไปอีก แต่เราก็ไปเอาจากแม่ 1.4 แสน เป็นการโอนครั้งสุดท้าย จนเพื่อนมากระชากโทรศัพท์ไป เรามารู้ว่าโดนแล้ว จิตตกไปเลย และระหว่างที่เราโดนกระชากโทรศัพท์ไป ปลายสายก็ถามว่าเป็นใคร เราก็บอกว่าเป็นพี่เขาก็เลยบอกว่าถ้าเป็นพี่ต๋อง ก็ต้องมีเงินมากกว่าต๋องซิ พอเรารู้ เราทรุดเลย ล้มไปแบบงงๆ และพอมีสติปุ๊บ เราก็ไปอายัดทุกแบงก์ แบงก์นึงอายัดกว่าจะอายัดได้ ก็ครึ่งชั่วโมง ซึ่งของเราโดนไปทั้งหมด 3.2 ล้าน และตอนนี้เหลือเงินติดบัญชี 8,000 กว่าบาท วันที่จะเดินไปปิดบัญชี ผมเดินเข้าไปถอนเงินใช่เวลากว่า 2 ชม. ทั้งๆ ที่เราไปเอง บัตรประชาชนเราเอง ผมบอกไปว่าผมมาด้วยตัวเองกับเงิน 8 พันกว่าบาทใช้เวลา 2 ชม. แต่เงิน 3.2 ล้านไม่เกิน 5 นาที วันนี้ที่ผมมาอยากจะมาแชร์ความรู้สึกผู้เสียหาย อีกหน่อยอาจจะเป็นคนที่กำลังดูอยู่ตอนนี้ก็ได้”
“จริงๆ ต้องไปแจ้งความก่อน ต้องไปอายัดกับแบงก์ก่อนแต่กว่าจะเสร็จทุกอย่าง เงินเราไปแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้แล้วธนาคารเขาไม่รับผิดชอบอะไร เขาปัดความรับผิดชอบ เขาโอนไปให้ตำรวจเป็นคนจัดการ เพราะเราเป็นคนโอนเอง จากอายัดก็ไปแจ้งความ ผมอยู่ในห้องสอบสวน 3 ชม. แต่อยากให้มันเร็วกว่านี้อีกได้ไหม 2 อาทิตย์ที่ต้องเดินเรื่องทำให้เรานอนไม่หลับ ความคืบหน้าคดีคือตอนนี้จับได้แล้ว 22 คน ส่วนคนที่ปลอมเป็นตำรวจ เขาบอกว่าเขาโดนแอบอ้าง แต่ขอถามกลับไปว่าจะไม่ขยายผลเลยเหรอ ถามแบบเป็นคนธรรมดา และตำรวจชั้นผู้น้อยเขามาแตะตัวเรา พูดตรงๆ ว่าการที่จะได้เงินคืนนั้น เปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ ไม่ถึง 1% ผมก็ร้องโอ้โห และตำรวจเขาก็รู้ว่าเงินผมไปอยู่ที่ไหนไปอยู่ที่คริปโตเคอเรนซี่ ตอนนี้เงินที่ไม่ถูกต้องไปอยู่ที่นั่น มันคือการฟอกเงิน และเพื่อนผมโดนไป 50 กว่าล้านนะ”
“ต้องไปอายัดทุกบัญชีที่มี ปิดบัญชี เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ อยากอยู่แบบเงียบๆ สักพัก เราต้องประหยัดขึ้น เราต้องระวังตัวมากขึ้น เราต้องไม่ให้เบอร์ใครมากขึ้น บวกกับปีนี้เป็นปีชงด้วย ยอมรับว่า 2 อาทิตย์มันเหนื่อย มันเสียรู้คนมันโดนด้วยตัวเอง เข้าใจว่าคนอื่นสงสัยว่าโดนได้ไง ถ้าคุณไม่โดนด้วยตัวเอง คุณก็จะไม่รู้”