นักเทนนิสชาย และหญิงดีกรีท็อป 20 ของโลกรวมตัวส่งหนังสือถึงฝ่ายจัดการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมทั้ง 4 รายการโดยเรียกร้องให้มีการเพิ่มเงินรางวัล
“เลกิ๊ป” สื่อฝรั่งเศสรายงานว่า บรรดานักเทนนิสมือดังของโลกได้รวมตัวเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการเสนอให้ ออสเตรเลียน โอเพ่น, เฟรนช์ โอเพ่น, วิมเบิลดัน และยูเอส โอเพ่น มีการพิจารณาเงินรางวัล
โดย เอมมา นาวาร์โร นักเทนนิสหญิงมือ 11 ของโลก ระบุว่า นักเทนนิสได้รับสัดส่วนเงินรางวัลที่ไม่เป็นธรรม ด้า นเจิ้ง ฉินเหวิน นักหวดสาวชาวจีน มือ 8 ของโลก เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2024 กล่าวว่า เชื่อว่าการเพิ่มเงินรางวัลจะเป็นประโยชน์กับนักเทนนิสทุกคน ไม่ใช่แค่นักหวดมือท็อปเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะคนที่ต้องพยายามอย่างหนักตลอดปี และต้องพึ่งพาเงินรางวัลจากรายการแกรนด์สแลมเพื่อให้สามารถเอาตัวรอดได้ในฤดูกาลที่เหลือ โดยเราก็พยายามทำในสิ่งที่ทำได้ สุดท้ายจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็ได้พยายามแล้ว
สำหรับเงินรางวัลของวิมเบิลดันนั้นทาง “บีบีซี” สื่ออังกฤษ ระบุว่า ปีที่แล้วมียอดเงินรางวัลรวม 50 ล้านปอนด์ (ราว 2.2 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2014 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถึงเท่าตัว โดยเปรียบเทียบเงินรางวัลของผู้แพ้ในรอบแรก เพิ่มขึ้นจาก 27,000 ปอนด์ (ราว 1.19 ล้านบาท) เป็น 60,000 ปอนด์ (ราว 2.64 ล้านบาท)
ขณะที่การแข่งขันปี 2023 ออล อิงแลนด์ คลับ เจ้าภาพวิมเบิลดัน มีรายได้ 380 ล้านปอนด์ (ราว 1.67 หมื่นล้านบาท) โดยมีกำไรหลังหักค่าใช้จ่าย 54 ล้านปอนด์ (ราว 2.37 พันล้านบาท) ในจำนวนนี้เงินเข้าลอนเทนนิสสมาคมแห่งอังกฤษ 49 ล้านปอนด์ (ราว 2.15 พันล้านบาท) ตามเงื่อนไขสัญญาที่ต้องมอบเงิน 90 เปอร์เซ็นต์ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายให้องค์กรเทนนิสถึงปี 2053 เพื่อเป็นเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ ค่าบำรุงรักษาและเตรียมสนามแข่งขัน รวมถึงการสนับสนุนอีเวนต์คอร์ตหญ้าอื่นๆ
ก่อนหน้านี้สมาคมนักเทนนิสอาชีพ (พีทีพีเอ) ได้ดำเนินการทางกฎหมายกับหน่วยงานกำกับดูแลเทนนิส โดยอ้างถึง “การปฏิบัติที่ขัดต่อการแข่งขัน และการละเลยสวัสดิการของนักเทนนิส”
ทั้งนี้การฟ้องร้องของกลุ่มนักเทนนิส ซึ่งร่วมก่อตั้งโดย โนวัก ยอโควิช มุ่งหวังที่จะยุติสิ่งที่เรียกว่า “การควบคุมแบบผูกขาด” ของทัวร์เทนนิส รวมถึงการชดเชยทางการเงินจาก เอพีพี, ดับเบิลยูทีเอ, สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) และหน่วยงานกำกับดูแลความซื่อสัตย์ของเทนนิสนานาชาติ (ไอทีไอเอ)
