ปอล ป็อกบา กองกลางชาวฝรั่งเศส ส่อถูกแบนยาว 2-4 ปี หลังจากผลตรวจสารกระตุ้น ยังคงออกมาเป็นบวกอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้นักเตะวัย 30 ปี ถูกจับตรวจสารกระตุ้น ในเกมกัลโช เซเรีย อา นัดที่ ยูเวนตุส ต้นสังกัด พบกับ อูดิเนเซ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยผลการตรวจออกมาว่า เจ้าตัวมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูงเกินเกณฑ์ และเจ้าตัวถูกแบนไม่ให้ลงสนามมาตั้งแต่เดือนกันยายน
ซึ่งในตอนนั้น ราฟาเอลา ปิเมนตา เอเยนต์ของ ป็อกบา แสดงความประหลาดใจกับผลการตรวจ และยืนยันว่านักเตะในความดูแลของเธอไม่คิดจะทำสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนกฎแน่นอน
ล่าสุด มีการให้ ป็อกบา เข้ามาตรวจสารกระตุ้นอีกครั้ง ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่า ผลตรวจแซมเปิล บี ซึ่งถูกส่งไปตรวจที่คลินิก อัคควา อเซโตซา ในกรุงโรม ยังคงออกมาเป็นบวก
ซึ่งผลดังกล่าวอาจทำให้กองกลางชาวฝรั่งเศสอาจจะถูกลงโทษสถานหนักด้วยการแบนนานถึง 4 ปี
อย่างไรก็ตาม ป็อกบา มีเวลา 7 วัน ในการยื่นหลักฐานกับองค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้จงใจใช้สารกระตุ้น และคาดว่าจะมีการสอบสวนกันอีกครั้งในอีก 2-4สัปดาห์ ขณะที่ต้นสังกัดอย่างทีม ม้าลาย ยูเวนตุส มีรายงานว่าพวกเขากำลังพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้ และอาจเลวร้ายถึงขึ้นต้องยกเลิกสัญญากับแข้งชาวฝรั่งเศสเลยทีเดียว
สำหรับ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เป็นฮอร์โมนเพศชาย ที่ช่วยเพิ่มขนาดและความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยเรื่องการฟื้นร่างกายจากการออกกำลังกายได้เร็วขึ้น ซึ่งในกรณีของแข้งชาวฝรั่งเศสหากเป็นการรับสารเข้าสู่ร่างกายโดยไม่เจตนา มีสิทธิจะโดนแบนสูงสุด 2 ปี แต่หากผลการสอบสวนชี้ชัดว่า เขาตั้งใจใช้สารเจ้าตัวก็มีสิทธิจะโดนแบนนานที่สุดถึง 4 ปี
โดย ปอล ป็อกบา ประสบปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บ โดยเขาตัดสินใจแยกทางกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เพื่อไปค้าแข้งกับ ยูเวนตุส อีกครั้ง ในปี 2022 ด้วยสัญญา 4 ปี แต่เพราะอาการบาดเจ็บทำให้เขาไม่ได้ลงสนามให้กับทีมม้าลาย โดยเมื่อฤดูกาลที่แล้วลงเล่นไป 108 นาที ในเซเรียอา 6 นัด และไม่มีประตูเลยตลอดทั้งฤดูกาล รวมถึงพลาดรับใช้ฝรั่งเศส ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ด้วย
ขณะที่ในฤดูกาลล่าสุดที่เพิ่งเปิดฉาก เขาลงสนามให้กับ ยูเวนตุส ไปเพียง 51 นาที ในเกมกับโบโลญญา และ เอ็มโปลี ด้วยฐานะตัวสำรองทั้งสองนัด ซึ่งในเกมกับเอ็มโปลี เจ้าตัวก็มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อด้วย