พอล สโคลส์ ถือเป็นหนึ่งในกองกลางที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ อีกทั้งเขายังเป็นตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ฝากผลงานไว้มากมาย ด้วยสไตล์การเล่นที่โดดเด่น ทั้งการจ่ายบอลอันแม่นยำ การยิงไกลที่เฉียบคม และความทุ่มเทแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สโคลส์ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นหลังมากมาย และยังคงเป็นบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลอังกฤษแม้จะแขวนสตั๊ดไปแล้ว
พอล สโคลส์ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 ที่เมืองซัลฟอร์ด มหานครแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เขาเติบโตในครอบครัวชนชั้นแรงงานธรรมดาในเมืองแลงเชอร์ และเข้าเรียนที่โรงเรียน St. Mary’s RC Primary School ก่อนจะย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียน Cardinal Langley Roman Catholic High School ที่เมืองมิดเดิลตัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านฟุตบอลอย่างชัดเจน ในวัยเด็ก สโคลส์ป่วยเป็นโรคหอบหืดและมีปัญหาด้านสายตา แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับเขาในการไล่ล่าความฝันการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
สโคลส์เข้าร่วมอะคาเดมีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 1991 และใช้เวลาไม่นานในการไต่เต้าขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เขาประเดิมสนามให้แมนฯ ยูไนเต็ดอย่างเป็นทางการในปี 1994 ในเกมลีกคัพกับพอร์ตเวล ซึ่งเขาทำได้ถึงสองประตูทันที โดย สโคลส์ เป็นหนึ่งในสมาชิก “Class of ’92” ร่วมกับเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่าง เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, แกรี่ เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์ และ นิกกี้ บัตต์ ซึ่งล้วนเป็นกำลังหลักของทีมในยุคทองของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ตลอดเส้นทางอาชีพกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโคลส์ลงเล่นไปทั้งหมด 718 นัด ทำได้ 155 ประตู และคว้าแชมป์มากถึง 25 รายการ รวมถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก 11 สมัย, เอฟเอคัพ 3 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย, แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย (ในปี 1999 และ 2008) และแชมป์สโมสรโลกอีก 1 สมัย นอกจากนั้นเขายังได้รับการยกย่องจากผู้เล่นระดับโลกหลายคน เช่น ซีเนดีน ซีดาน และ ชาบี เอร์นานเดซ ว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเผชิญหน้าด้วย
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในระดับสโมสร แต่เส้นทางทีมชาติของสโคลส์กับอังกฤษกลับไม่ราบรื่นเท่าที่ควร เขาลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษระหว่างปี 1997–2004 รวมทั้งหมด 66 นัด ทำได้ 14 ประตู แต่บ่อยครั้งต้องตกอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถนัดหรือถูกจับไปเล่นริมเส้น ทำให้เขาตัดสินใจอำลาทีมชาติหลังจบศึกยูโร 2004 ทั้งที่อายุเพียง 29 ปี
สโคลส์ประกาศแขวนสตั๊ดครั้งแรกในปี 2011 แต่กลับมาลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้งในปี 2012 หลังทีมประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บ และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อีกสมัยในฤดูกาล 2012/13 ก่อนจะแขวนสตั๊ดอย่างถาวรในช่วงซัมเมอร์ปี 2013
หลังเลิกเล่น สโคลส์ผันตัวมาทำงานในวงการฟุตบอลทั้งในฐานะกูรูวิเคราะห์เกมทางโทรทัศน์ และเคยรับงานคุมทีมอย่างสั้นๆ กับโอลด์แฮม แอธเลติก ในปี 2019 นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นร่วมของสโมสรซัลฟอร์ด ซิตี้ สโมสรในลีกล่างของอังกฤษที่บริหารร่วมกับอดีตเพื่อนร่วมทีม Class of ’92 ซึ่งปัจจุบันกำลังเดินหน้าพัฒนาสโมสรอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2025 สโคลส์ยังคงมีบทบาทในวงการฟุตบอลอังกฤษในฐานะกูรูของช่อง TNT Sports โดยมีความเห็นที่เฉียบคมตรงไปตรงมาและได้รับความเชื่อถือจากแฟนบอลจำนวนมาก เขายังคงสนับสนุนเยาวชนและการพัฒนาวงการฟุตบอลอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ผ่านทั้งการทำงานกับซัลฟอร์ด ซิตี้ และการเป็นต้นแบบให้กับนักเตะรุ่นใหม่
ตลอดชีวิตที่อยู่ในวงการฟุตบอล พอล สโคลส์ ได้พิสูจน์แล้วว่า ความมุ่งมั่น ความซื่อสัตย์ และความรักในเกมฟุตบอล สามารถพาชีวิตคนคนหนึ่งไปไกลได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แม้วันนี้เขาจะไม่ได้ลงเล่นในสนามอีกต่อไป แต่ชื่อของพอล สโคลส์จะยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไปอีกนาน