ทุกสายตาอาจจับจ้องไปที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ หลังจากเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ซัดแฮตทริกได้ในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ในเกมที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6-3 แต่นักเตะอีกคนซึ่งผลงานโดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งคล้อยหลังฮาลันด์ เพียง 8 นาทีเท่านั้น เขาก็กลายเป็นนักเตะคนที่สอง ที่ทำแฮตทริกในเกมดาร์บี้แมตช์นี้ได้สำเร็จ นั่นคือ ฟิล โฟเดน
ฟิลลิป วอลเตอร์ โฟเดน เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2000 ในเมือง สต็อกพอร์ต เขาเป็นลูกคนที่สอง จากพี่น้อง 3 คน ซึ่งครอบครัวของโฟเดนน่าสนใจที่เดิมที คุณพ่อและพี่ชายนั้น เป็นแฟนตัวยงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเพียงคุณแม่เท่านั้นที่เชียร์ แมนฯซิตี้ ทำให้เขาตัดสินใจเลือกอยู่ข้างคุณแม่ และกลายเป็นแฟนบอลของแมนฯซิตี้ มาตั้งแต่ 4 ขวบ
เมื่ออายุได้ 6 ขวบมีโค้ชเยาวชนจากแมนฯซิตี้ เข้ามาฝึกสอน และสอดส่องเด็กที่มีแววเข้าร่วมทีมเยาวชนในโรงเรียนของเขา ตอนแรกนั้นบรรดาเด็กที่โตกว่า โฟเดน เข้าไปร่วมคัดเลือกด้วย แต่โค้ชจากซิตี้ เหมือนจะยังไม่ถูกใจ ทำให้ครูต้องพาเด็กที่อายุน้อยกว่าอีกกลุ่มหนึ่งมาให้ดูตัว ซึ่งในกลุ่มนั้นมี โฟเดน รวมอยู่ด้วย
เมื่อเห็นฟอร์มการเล่นของ โฟเดน โค้ชจากซิตี้ ไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปคุยและให้นามบัตรกับ พ่อแม่ของโฟเดน ในทันที และตั้งแต่วันนั้น โฟเดน ก็เข้าฝึกฝนเป็นเด็กเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สมใจ
ในวันที่ แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ครั้งแรกในฤดูกาล 2011/12 โฟเดน เพิ่งอายุได้ 12 ขวบเท่านั้น วันนั้นเขานั่งเชียร์ทีมรักอยู่หลังประตู และประตูอันเป็นสุดยอดโมเมนต์ของ เซอร์จิโอ อาเกโร ที่ยิงในนาที 93.20 ก็เป็นช็อตอันตราตึงกับโฟเดน มานับตั้งแต่นั้น และเขาก็ไม่คิดว่าในอนาคตจะได้มีโอกาสได้เล่นร่วมกับผู้เล่นเหล่านี้
โฟเดน ฝึกฝนอยู่ในทีมเยาวชนของ แมนฯ ซิตี้ นาน 8 ปีด้วยกัน ด้วยทักษะอันสวยงาม มีวิธีการเล่นและจ่ายบอลที่ชาญฉลาด แม้ตัวจะเล็กแต่ก็ครองบอลได้เหนียวแน่น จึงทำให้เขาได้รับฉายาว่า “อิเนสต้าแห่งสต็อกพอร์ต” และถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 16 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักสำคัญที่พาทีมชาติอังกฤษ คว้าแชมป์โลก ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ในปี 2017 ซึ่งหลังจากจบศึกนี้ เขาก็ถูกเรียกตัวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ของ “เรือใบสีฟ้า”
โฟเดน ได้ลงประเดิมสนามให้ แมนฯซิตี้ ในเกมแชมเปียนส์ ลีกกับ เฟเยนูร์ด เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2017 กลายเป็นผู้เล่นอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 4 ที่ลงเล่นในแชมเปียนส์ ลีก ด้วยวัย 17 ปี 177 วัน ก่อนที่จะได้รับโอกาสลงในพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2017 ในเกมที่ทีมเอาชนะ สเปอร์ 4-1
“นานๆที เราจะได้เห็นอะไรแบบนี้ การเล่นของเขาเป็นอีกระดับหนึ่ง เขาเพิ่งอายุ 17 ปี เขาเป็นนักเตะของซิตี้ เขาเติบโตในชุดเยาวชนของทีม เขารักสโมสร เขาเป็นแฟนตัวยงของซิตี้ สำหรับเราเขาคือของขวัญ” เป๊ป กวาร์ดิโอลา กล่าวหลังจากที่โฟเดน ได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่
หลังจากนั้น ฟิล โฟเดน ค่อยๆพัฒนาฝีเท้าจากดาวรุ่งที่น่าจับตามอง กลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้ ด้วยวัยเพียง 22 ปี เขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้ว 4 สมัย แชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย, แชมป์อีเอฟแอล คัพ 4 สมัย, แชมป์คอมมูนิตี ชิลด์ 2 สมัย พร้อมกับรางวัลส่วนตัวทั้ง ดาวรุ่งยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก 2 สมัยล่าสุด และรางวัล PFA Young Player of the Year 2 สมัยล่าสุดเช่นกัน นอกจากนี้ผลงานกับทีมชาติอังกฤษ ก็อยู่ในชุดคว้ารองแชมป์ ยูโร 2020 ด้วย
ถึงเวลานี้ โฟเดน ได้ก้าวขึ้นมา เป็นสุดยอดนักเตะที่จะมาแบกรับฟุตบอลในยุคสมัยใหม่แล้ว ใครที่บอกว่านี่กำลังก้าวสู่ยุคที่แข่งกันทำผลงานระหว่างฮาลันด์ กับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แต่นักเตะอย่าง ฟิล โฟเดน ก็พร้อมจะสอดแทรกมาโดดเด่นได้เช่นเดียวกัน