มาริโอ บาโลเตลลี่ เคยขึ้นชื่อว่าเป็นยอดดาวยิงระดับอัจฉริยะ ที่อาจก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จท้าชิงตำแหน่งนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก แต่ด้วยความประพฤติ และวินัยนอกทั้งในและนอกสนาม ทำให้ชื่อของเขาค่อยๆเลือนหายไป อย่างไรก็ตาม บาโลเตลลี่ ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการฟุตบอล และล่าสุดเพิ่งเดินทางมาที่ประเทศไทยด้วย
มาริโอ บาโลเตลลี่ เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1990 ที่เมืองปาแลร์โม ประเทศอิตาลี โดยมีชื่อเต็มว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ บารูวา ก่อนจะย้ายมาเติบโตที่เบรสชาในภาคเหนือของอิตาลี ภายหลังครอบครัวผู้อพยพชาวกานาได้ยกเขาให้ครอบครัวอิตาเลียนนามว่า “บาโลเตลลี่” ซึ่งรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่วัยเพียง 3 ขวบ ทำให้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตที่ทำให้เขามีโอกาสเข้าสู่ระบบการฝึกฟุตบอลอาชีพ
บาโลเตลลี่ เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับทีมเยาวชนของลูเมซซาเน (Lumezzane) ก่อนที่ความสามารถอันโดดเด่นจะทำให้ อินเตอร์ มิลาน คว้าตัวเขามาร่วมทีมเมื่อปี 2007 ตอนที่เขาอายุเพียง 17 ปี ภายใต้การคุมทีมของโรแบร์โต้ มันชินี่ เจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุดในอิตาลี โดยฝากผลงานน่าจดจำด้วยความเร็ว ความแข็งแกร่ง และเทคนิคเฉพาะตัว ก่อนจะมีบทบาทสำคัญในการพาอินเตอร์คว้าแชมป์เซเรียอาและโคปปา อิตาเลีย
ภายหลังการมาของโชเซ่ มูรินโญ่ ทำให้บทบาทของบาโลเตลลี่ในอินเตอร์เริ่มถดถอย ก่อนที่มันชินี่จะพาเขาข้ามมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2010 ด้วยค่าตัวราว 24 ล้านยูโร ซึ่งนับเป็นจุดสูงสุดของอาชีพค้าแข้ง บาโลเตลลี่มีส่วนสำคัญในการพาทีมเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 2010/11 และเป็นผู้แอสซิสต์ประตูชัยของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ในเกมประวัติศาสตร์ที่ทำให้ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011/12 อย่างเหลือเชื่อในวินาทีสุดท้ายของนัดปิดฤดูกาล
แม้จะมีช่วงเวลาที่น่าจดจำในอังกฤษ แต่อารมณ์และพฤติกรรมนอกสนามของบาโลเตลลี่ก็มักกลายเป็นข่าวอยู่เสมอ จนท้ายที่สุดเขาถูกปล่อยกลับไปยังอิตาลีกับเอซี มิลานในปี 2013 และเริ่มเข้าสู่ช่วงชีวิตค้าแข้งที่ไม่มั่นคงนัก ก่อนจะที่เขาจะย้ายไปอยู่กับลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2014/15 แต่ก็ไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งได้ ต่อมาจึงต้องพเนจรไปเล่นให้กับทีมอย่างนีซ, มาร์กเซย, เบรสชา, มอนซา, อดาน่า เดเมียร์สปอร์ และซิอง
ต่อมาในฤดูกาล 2024/25 บาโลเตลลี่กลับมาสู่เวทีเซเรีย อา อีกครั้งด้วยการเซ็นสัญญาระยะสั้นกับ เจนัว ทีมดังแห่งแคว้นลิกูเรีย โดยลงเล่นในฐานะกองหน้าตัวสำรองพร้อมบทบาทเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักเตะรุ่นน้อง แม้จะไม่ใช่กำลังหลักของทีม แต่ประสบการณ์และคาแรกเตอร์ของเขายังถูกมองว่ามีคุณค่าในห้องแต่งตัว อย่างไรก็ตาม สัญญาของบาโลเตลลี่กับเจนัวจะสิ้นสุดลงในช่วง ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2025 และยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาจะต่อสัญญาหรือย้ายสโมสรอีกครั้ง
ส่วนในนามทีมชาติ บาโลเตลลี่เคยเป็นความหวังของอิตาลี โดยเฉพาะในยูโร 2012 ซึ่งเขาระเบิดฟอร์มสุดยอด ยิงสองประตูในรอบรองชนะเลิศใส่เยอรมนี พาอัซซูรีเข้าชิงกับสเปน แม้สุดท้ายจะพ่ายไป 0-4 แต่ชื่อของบาโลเตลลี่กลายเป็นที่จดจำอย่างกว้างขวางไปแล้วทั่วทั้งยุโรป ตั้งแต่ตอนนั้น
ปัจจุบันในวัย 34 ปี แม้จะหลุดจากเวทีลูกหนังระดับสูง แต่บาโลเตลลี่ยังคงตกเป็นข่าวอยู่เรื่อย ๆ ทั้งจากความพยายามคืนฟอร์ม และจากบุคลิกที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ล่าสุดในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2025 เขาสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนกีฬาชาวไทย เมื่อเดินทางมาเยือนประเทศไทยพร้อมเข้าร่วมกิจกรรมกับ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” ยอดนักมวยไทยระดับโลก ถือเป็นภาพที่หลายคนคาดไม่ถึง และตอกย้ำให้เห็นถึงตัวตนที่แตกต่างของเขาในวงการลูกหนัง
สำหรับสถิติตลอดอาชีพ บาโลเตลลี่ลงเล่นกว่า 473 นัด ยิงไปกว่า 189 ประตู ผ่านการคว้าแชมป์ลีกทั้งในอิตาลีและอังกฤษ มีผลงานระดับนานาชาติในฐานะรองแชมป์ยูโร และติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ไปทั้งสิ้น 36 นัด ยิงได้ 14 ประตู แม้สุดท้ายแล้วเขาจะไม่สามารถพาตัวเองไปยังจุดสูงสุดของการค้าแข้ง แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าบาโลเตลลี่คือหนึ่งในนักฟุตบอลที่น่าจดจำที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค