มาร์คัส แรชฟอร์ด กลายเป็นนักฟุตบอลที่มีข่าวตามสื่อต่างๆมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ฤดูกาล 2024/25 ทั้งเรื่องฟอร์มการเล่น และข่าวการซื้อขายย้ายทีม โดยก่อนหน้านี้ แรชฟอร์ด ถือเป็นนักฟุตบอลอังกฤษที่ถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดของวงการ แต่สุดท้ายเขากลับมีปัญหาด้านทัศนคติ จนฟอร์มการเล่นดรอปลงไปอย่างน่าใจหาย อย่างไรก็ตามล่าสุด แรชฟอร์ด กำลังได้เริ่มเส้นทางใหม่กับสโมสรบาร์เซโลนา
มาร์คัส แรชฟอร์ด เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1997 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยเติบโตขึ้นในย่านวิตเทนชอว์ (Wythenshawe) ทางตอนใต้ของเมือง ครอบครัวของเขาเป็นชนชั้นแรงงานธรรมดา เขาเข้าร่วมอคาเดมีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตั้งแต่อายุเพียง 7 ปี และไต่เต้าผ่านระบบเยาวชนของสโมสรมาอย่างต่อเนื่อง ความสามารถของเขาฉายแววมาตั้งแต่เล็ก โดยเฉพาะความเร็วและทักษะการจบสกอร์
เขาถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2015/16 โดยภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟาน กัล แรชฟอร์ดได้รับโอกาสลงสนามในเกมยูโรป้าลีกกับมิดทิลแลนด์ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 แทนที่อ็องโตนี มาร์กซิยาล ที่ได้รับบาดเจ็บก่อนเกม และเขาก็ใช้โอกาสนั้นอย่างคุ้มค่า ด้วยการยิงสองประตูในเกมประเดิมสนาม จากนั้นเพียงสามวันต่อมา เขาก็ยิงอีกสองประตูในเกมพรีเมียร์ลีกที่พบกับอาร์เซนอล ส่งผลให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟนบอลในทันที
ตลอดหลายฤดูกาลกับยูไนเต็ด แรชฟอร์ดยังคงเป็นกำลังหลักของทีม เขายิงได้เกิน 10 ประตูต่อฤดูกาลหลายครั้ง โดยเฉพาะฤดูกาล 2022/23 ภายใต้การคุมทีมของเอริก เทน ฮาก เขากลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด ยิงรวม 30 ประตูในทุกรายการ และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์คาราบาว คัพ ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของเขากลับตกลงอย่างชัดเจนในฤดูกาล 2023/24 ทำได้เพียง 8 ประตู และถูกวิจารณ์อย่างหนักจากสื่ออังกฤษเกี่ยวกับทัศนคติและความมุ่งมั่น
และในฤดูกาล 2024/25 หลังจากลงเล่นให้ แมนฯยู ไป 24 นัดยิงไป 7 ประตู เขาก็ถูกปล่อยยืมตัวไปอยู่กับ แอสตัน วิลลา ในเดือนมกราคม ซึ่งแรชฟอร์ด ก็เหมือนจะมีฟอร์มที่ดีขึ้น โดยลงสนามไป 17 นัด ยิงไป 4 ประตู
ข่าวเรื่องการย้ายทีมของแรชฟอร์ด ยังคงออกมาอย่างต่อเนื่องหลังจากจบฤดูกาล 2024/25 พร้อมกับข่าวที่ว่าเขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ รูเบน อโมริม จนกระทั่งล่าสุดหลังจากมีการเจรจากันพักใหญ่ บาร์เซโลนา ก็บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว แรชฟอร์ดไปร่วมทีม ด้วยสัญญายืมตัว พ่วงออปชั่นซื้อขาด และแรชฟอร์ด ก็เดินทางไปยังประเทศสเปนเรียบร้อยแล้ว
การย้ายครั้งนี้ถือเป็นความพยายามของทั้งสองฝ่ายในการเริ่มต้นใหม่ สำหรับบาร์เซโลน่า นี่คือโอกาสในการดึงผู้เล่นที่ยังมีศักยภาพสูงเข้ามาสู่ทีม และหากแรชฟอร์ดสามารถกลับคืนสู่ฟอร์มที่เคยมีได้ เขาอาจกลายเป็นอาวุธที่อันตรายในเกมรุกของทีม ขณะที่ตัวแรชฟอร์ด เองก็น่าจะหวังว่าสภาพแวดล้อมใหม่ในลาลีกา จะช่วยให้เขาได้หลุดพ้นจากแรงกดดันมหาศาลในอังกฤษ และคืนฟอร์มระดับท็อปได้อีกครั้ง
การเดินทางครั้งใหม่ของมาร์คัส แรชฟอร์ดในสีเสื้อบาร์เซโลน่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตนักฟุตบอลของเขา และแฟนบอลทั่วโลกต่างจับตามองว่าเขาจะสามารถพิสูจน์ตัวเองในต่างแดนได้หรือไม่