กลายเป็นดาวยิงขวัญใจคนใหม่ของทัพ “อัซซูรี” ไปแล้วสำรับ มาเตโอ เรเตกี ศูนย์หน้าวัย 23 ปี ที่เปิดตัวในนามทีมชาติอิตาลี พร้อมซัดประตูแรกของตัวเองใส่ ทีมชาติอังกฤษ แม้สุดท้ายแล้วทีมจะพ่ายไป 1-2 ก็ตาม
มาเตโอ โรเตกี เกิดเมื่อวันที่ 29 เมษายน 1999 ที่ซาน เฟอร์นันโด อาร์เจนตินา คุณพ่อของเขาคือ คาร์ลอส เรเตกี อดีตผู้เล่น และโค้ชฮอกกี้ทีมชาติอาร์เจนตินา ที่ไปโอลิมปิกเกมส์มาแล้ว ขณะที่ มิเคลา น้องสาวของเขาก็เป็นนักกีฬาระดับโอลิมปิกเช่นกัน
โรเตกี นั้นมีทั้งสัญชาติอาร์เจนตินา และสายเลือดอิตาลีอยู่ในตัวผ่านทางคุณตา ซึ่งการที่เขามีคุณพ่อเป็นนักกีฬาและโค้ชฮอกกี้นั้นทำให้สนใจเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก
โรเตกี ชื่นชอบทั้งกีฬาฮอกกี้ และฟุตบอล เขาเล่นกีฬาทั้่งชนิดได้อย่างยอดเยี่ยม และสลับเล่นทั้งสองกีฬาไปมาตั้งแต่ยังเด็ก กระทั่งเมื่ออายุได้ 15 ปี เขามีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในอคาเดมีของ ริเวอร์ เพลต ทีมฟุตบอลชื่อดังในอาร์เจนตินา ก่อนจะโดน ดิเอโก มาซซิลลี แมวมองจาก โบคา จูเนียร์ ชักชวนให้ไปรวมทีม ทำให้เขาเลือกที่จะเดินเส้นทางที่ต่างจากคุณพ่อ และมุ่งสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว ในปี 2016
เริ่มแรก โรเตกี ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ แต่ เคาดิโอ วิวาส โค้ชโบคา จูเนียร์ ได้เล็งเห็นถึงความกระหาย และพลังในการล่าประตู จึงโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนมาเล่นตำแหน่งกองหน้า จนปี 2018 เขาก็มีโอกาสได้ลงสนามเดบิวต์กับทีมชุดใหญ่ แม้จะเป็นช่วงท้ายเกมก็ตาม
ปีต่อมา โบคา จูเนียร์ ตัดสินใจปล่อย โรเตกี ไปให้กับ เอสตูเดียนเตส ยืมตัวในฤดูกาล 2018/19 กับ 2019/20 และ ตาลเลเรส ยืมตัวในฤดูกาล 2020/21 กระทั่งฤดูกาล 2022/23 นี้ ที่ โบาคา จูเนียร์ ได้ปล่อย โรเตกี ไปให้กับ ติเกร ยืมตัวพร้อมออฟชั่นซื้อขาด เขาได้ระเบิดฟอร์มแบบขีดสุด ยิงไปแล้ว 28 ประตูจาก 48 นัด จนกลายเป็นที่สนใจของยักษ์ใหญ่ในยุโรป รวมถึงทีมชาตอิตาลี ที่ชักชวนเขาไปติดทีมชาติชุดใหญ่
โรแบร์โต มันชินี กุนซือทีมชาติอิตาลี เผยตอนเรียกตัวเขาติดทีมว่า “การมาแบบนี้จากอาร์เจนติน่าไปอิตาลี ไม่ใช่ทีมสโมสร มันไม่ง่ายเลย มันต้องใช้เวลา แต่ผู้ชายคนนี้สุภาพและฉลาด เขาเป็นกองหน้าที่ดี อายุยังน้อย เรามีความมั่นใจสูง และเราต้องให้เวลาเขาสักพัก
“เรเตกี เป็นกองหน้าคลาสสิก ผมเห็นหลายคนเปรียบเทียบเขากับเดนิส แต่ผมจำได้ตอนที่บาติสตูต้ามาถึงอิตาลี เขาทำให้ผมนึกถึงเขา”
เรเตกี พิสูจน์แล้วว่าเขาใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดในการปรับตัว เชื่อเหลือเกินว่าในอนาคตแฟนบอลคงได้เห็นเขาโลดแล่นอยู่กับสโมสรชื่อดังในยุโรป และทีมชาติอิตาลี ต่อไปอีกยาวๆ
