ในยุคที่ทีมชาติเยอรมนี ห่างหายจากความสำเร็จ และอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายนักเตะแบบนี้ พาให้แฟน อินทรีเหล็ก หวนนึกย้อนไปยังวันวานไม่ได้ และหนึ่งในนักเตะที่เป็นดั่งตำนาน และผู้นำพาความสำเร็จมาสู่ทีมมากที่สุดคนหนึ่ง นั่นก็คือ มิชาเอล บัลลัก
มิชาเอล บัลลัก เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 1976 ที่เมืองกอร์ลิตซ์ ประเทศเยอรมัน ในฝั่งตะวันออก เขาเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่ 7 ขวบ โดยคุณพ่อของเขาส่งตัวไปร่วมทีมเยาวชนของสโมสรเบเอสจี ฟริตซ์ เฮคเกิร์ต คาร์ล มาร์กซ์ สต๊าดท์ และเจ้าหนูบัลลัก ก็ค่อยๆฝึกฝนเพิ่มทักษะ จนอายุได้ 12 ขวบเขาก็ได้ขยับมาอยู่กับ เชมนิตเซอร์ เอฟซี ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ซัดกระจุยกระจายถึง 57 ประตู จากการลงสนามเพียง 16 นัด เก่งเกินพวกเด็กๆในวัยเดียวกันอย่างชัดเจน
หลังจากขัดเกลาฝีเท้าอยู่อีก 7 ปี จนเป็นดาวเด่นของสโมสร เขาก็ได้รับสัญญานักเตะอาชีพเป็นครั้งแรก และลงเล่นเป็นแกนหลักของทีมทันที แม้ตอนจบฤดูกาลนั้น ต้นสังกัดของบัลลัก จะหล่นสู่ลีกระดับดิวิชั่น 3 แต่ตัวเขาเองก้าวไปติดทีมชาติเยอรมัน ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี
ฤดูกาลต่อมา บัลลัค กลายเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของทีม แม้จะทำได้แค่เกือบพาทีมเลื่อนชั้น แต่ผลงานยิงไป 10 ประตู ทำให้ได้รับข้อเสนอจาก ไกเซอร์สเลาเทิร์น ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในบุนเดสลีกา ฤดูกาล 1997/1998 คว้าตัวเขาไปร่วมทีม
ฤดูกาลนั้นเอง ไกเซอร์สเลาเทิร์น ได้สร้างปาฏิหาริย์ พวกเขาผงาดขึ้นไปเป็นแชมป์บุนเดสลีกา และแน่นอนว่าบัลลัก คือส่วนสำคัญในความสำเร็จนี้ เขาอยู่กับทีม 2 ฤดูกาล ลงเล่นไป 57 นัด ยิงไป 4 ประตู ก่อนที่ในปี 1999/2000 จะหาความท้าทายใหม่ด้วยการย้ายไปอยู่กับ ไบเออร์ เลเวอร์กูเซน
บัลลัก เกือบประสบความสำเร็จกับเลเวอร์กูเซน หลังจากที่เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แต่สุดท้ายทำได้เพียงรองแชมป์ แต่ถึงอย่างนั้น บัลลัก ก็มีชื่อเสียง และยึดตำแหน่งตัวจริง เป็นแกนหลักของทีมเรื่อยมา โดยลงสนามไป 110 นัด ยิงไป 37 ทั้งยังถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมนี ชุดใหญ่ด้วย
ฤดูกาล 2002/03 บัลลัก ตัดสินใจออกมุ่งสู่ความสำเร็จอีกครั้ง เมื่อเขาตอบรับข้อเสนอของ บาเยิร์น มิวนิก มหาอำนาจลูกหนังในเยอรมนี นั่นทำให้เขาประสบความสำเร็จทั้งแชมป์ บุนเดสลีก้า 3 สมัย เดเอฟเบ โพพาล 3 สมัย และ แชมป์ เดเอฟเบ ลีกา โพคาล 1 สมัย
เมื่อคว้าทุกแชมป์ในเยอรมนี บัลลัก ตัดสินใจย้ายทีมอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็น เชลซี ยอดทีมในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่คว้าตัวเขาไปเสริมทัพ และบัลลัก ก็ร่วมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 1 สมัย แชมป์เอฟเอคัพ 3 สมัย แชมป์ลีก คัพ 1 สมัย แชมป์ คอมมูนิตี ชิลด์ อีก 1 สมัย แต่อย่างไรก็ดียังคงเหลือเพียงถ้วยเดียวที่เขาต้องอกหักนั่นคือ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งทำได้เพียงรองแชมป์เท่านั้นในฤดูกาล 2007/08
ช่วงท้ายของชีวิตการค้าแข้ง บัลลัก ตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นให้กับ เลเวอร์กูเซน ในฤดูกาล 2010/11 ถึงปี 2011/12 ก่อนจะแขวนสตั๊ด ขณะที่ในส่วนทีมชาติเยอรมนี ก็เป็นแกนหลักของทีมมาเนิ่นนาน แต่มักจะอกหักอยู่เสมอ โดยคว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 รองแชมป์ยูโร 2008 และรองแชมป์คอนเฟเดเรชันส์ คัพ 2005
แม้ในส่วนของทีมชาติเขาจะยังไม่มีแชมป์ใหญ่ๆติดมือ แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่า บัลลัก คือหนึ่งในนักเตะคนสำคัญ และตำนานของวงการฟุตบอลเยอรมนี ที่ประกสบความสำเร็จมามากมายอย่างแท้จริง