ประวัตินักกีฬา

มิชาเอล บัลลัค – ตำนานแห่งความดุดัน ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญานผู้นำของทีมชาติเยอรมนี

มิชาเอล บัลลัค คือหนึ่งในกองกลางระดับตำนานของวงการฟุตบอล เขาเป็นนักเตะที่โดดเด่นทั้งในแง่ของความเป็นผู้นำ เทคนิคเฉพาะตัว และการยิงประตูจากแดนกลาง โดยต…

มิชาเอล บัลลัค คือหนึ่งในกองกลางระดับตำนานของวงการฟุตบอล เขาเป็นนักเตะที่โดดเด่นทั้งในแง่ของความเป็นผู้นำ เทคนิคเฉพาะตัว และการยิงประตูจากแดนกลาง โดยตลอดเส้นทางการค้าแข้งของเขา บัลลัคไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงในระดับสโมสรกับทีมยักษ์ใหญ่หลายแห่ง แต่ยังเป็นกำลังหลักของทีมชาติเยอรมนีในช่วงยุคหนึ่งอีกด้วย

มิชาเอล บัลลัค เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1976 ที่เมืองเกิร์ลลิตซ์ ทางตะวันออกของประเทศเยอรมนีตะวันออก (ในขณะนั้น) โดยในช่วงวัยเด็ก เขาเติบโตในยุคที่เยอรมนียังแบ่งแยกเป็นตะวันออกและตะวันตก ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาฟุตบอลของเขาไม่น้อย บัลลัคเริ่มต้นฝึกฟุตบอลอย่างจริงจังในวัยเพียง 7 ขวบกับสโมสรเล็กๆ ใกล้บ้านชื่อว่า BSG Motor Karl-Marx-Stadt ก่อนจะถูกดึงเข้าสู่ทีมเยาวชนของสโมสรเชมนิตเซอร์ ซึ่งในเวลานั้นยังใช้ชื่อว่า FC Karl-Marx-Stadt

ปี 1995 บัลลัคได้รับโอกาสลงเล่นชุดใหญ่ให้กับเชมนิตเซอร์ เอฟซี และแสดงศักยภาพได้อย่างยอดเยี่ยมจนถูกทีมในบุนเดสลีกาหลายแห่งจับตามอง ในที่สุดปี 1997 ไกเซอร์สเลาเทิร์น ก็คว้าตัวเขาไปร่วมทีม และในฤดูกาลแรกกับสโมสร เขาก็มีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้ทันที ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง เพราะไกเซอร์สเลาเทิร์นเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาลนั้น

ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทำให้เขาย้ายไปร่วมทัพไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นในปี 1999 ที่ซึ่ง บัลลัค กลายเป็นหัวใจของทีมในแดนกลาง พร้อมพาทีมไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2001/02 แม้สุดท้ายจะพ่ายให้กับเรอัล มาดริด 1-2 แต่บัลลัคก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ครบเครื่องที่สุดในยุโรป และในปีเดียวกันเขายังพาเยอรมนีเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 ก่อนจะพ่ายต่อบราซิล 0-2 ซึ่งน่าเสียดายที่เขาไม่ได้ลงสนามในเกมนั้นเนื่องจากติดโทษแบนจากใบเหลืองสะสม

มิชาเอล บัลลัค - ตำนานแห่งความดุดัน ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญานผู้นำของทีมชาติเยอรมนี

ในปี 2002 บัลลัคย้ายไปร่วมทัพบาเยิร์น มิวนิก ด้วยค่าตัวประมาณ 12.9 ล้านยูโร เขาคว้าแชมป์บุนเดสลีกากับทีมได้ถึง 3 สมัย และยังคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลได้อีก 3 ครั้ง เขาคือศูนย์กลางของทีมและเป็นผู้นำที่ได้รับการยกย่องไม่แพ้ใครในวงการฟุตบอลเยอรมนียุคนั้น จนกระทั่งปี 2006 ก็ย้ายไปร่วมทัพเชลซีในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ

ช่วงเวลาในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ บัลลัคคว้าแชมป์เอฟเอคัพ 3 สมัย, ลีกคัพ 1 สมัย และที่สำคัญคือแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2009/10 ภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ เขายังช่วยทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2007/08 ซึ่งเป็นเกมดราม่าที่เชลซีพ่ายต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในการดวลจุดโทษอย่างน่าเจ็บปวด

หลังจากหมดสัญญากับเชลซีในปี 2010 บัลลัคย้ายกลับไปเล่นให้กับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2012 ขณะมีอายุ 35 ปี และตลอดอาชีพในทีมชาติเยอรมนี เขาลงเล่นทั้งหมด 98 นัด ยิงได้ 42 ประตู และเป็นกัปตันทีมชาติช่วงระหว่างปี 2004–2010 นำทีมเข้าถึงรอบชิงยูโร 2008 และรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2006

หลังจากเลิกเล่นฟุตบอล บัลลัคมีบทบาทในวงการกีฬาในฐานะนักวิเคราะห์ฟุตบอลให้กับสื่อหลายสำนักทั้งในเยอรมนีและอังกฤษ เขายังมีบทบาทเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับองค์กรต่าง ๆ เช่น Adidas และ UEFA นอกจากนี้ เขายังร่วมมือกับโครงการพัฒนาเยาวชนในวงการฟุตบอล และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อย่างเรียบง่ายในบ้านเกิด รวมถึงเดินทางไปร่วมงานฟุตบอลระดับนานาชาติในฐานะแขกรับเชิญเป็นระยะ

สำหรับ มิชาเอล บัลลัค ยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมชาติเยอรมนี ด้วยสไตล์การเล่นที่ผสมผสานความดุดัน ความฉลาด และความเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top