โนวัก ยอโควิช ปลดล็อกทำโกลเดนสแลมได้สำเร็จหลังโชว์ลูกเก๋าเฉือนเอาชนะ การ์ลอส อัลการาซ ในการดวลไทเบรกทั้ง 2 เซ็ต คว้าเหรียญทองเทนนิสชายเดี่ยว
การแข่งขันเทนนิส โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกีฬานี้ในปารีสเกมส์ ชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ โนวัก ยอโควิช มืออันดับ 2 ของโลกจากเซอร์เบียซึ่งยังไม่เคยคว้าเหรียญทองมาครอง เจอกับ การ์ลอส อัลการาซ มือ 3 ของโลกจากสเปนซึ่งเข้าแข่งขันเป็นครั้งแรก และลิ่วรอบชิงดำได้เลย
ผลปรากฏว่าทั้งคู่ดวลกันได้อย่างสูสี ชนิดที่ไม่มีใครยอมโดนเบรกเกมเสิร์ฟเลยตลอดการแข่งขันแต่เป็น ฝั่งยอโควิช ที่เก๋ากว่าในการดวลไทเบรก ทำให้เป็นฝ่ายชนะไป 2-0 เซ็ต 7-6 (7/3), 7-6 (7/2) ใช้เวลาการแข่งขันไป 2 ชั่วโมง 50 นาที
จากผลดังกล่าวทำให้ ยอโควิช จึงคว้าเหรียญทองไปครอง พร้อมกลายเป็นนักเทนนิสรายที่ 5 ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถทำโกลเดนสแลม (คว้าแชมป์แกรนด์สแลมครบ 4 รายการ และแชมป์โอลิมปิกเกมส์มาครองได้ในอาชีพ) ในประเภทเดี่ยวทั้งชาย และหญิง ต่อจาก สเตฟฟี กราฟ (หญิง – เยอรมนี), อังเดร อากัสซี (ชาย – สหรัฐอเมริกา), ราฟาเอล นาดาล (ชาย – สเปน) และเซเรนา วิลเลียมส์ (หญิง – สหรัฐอเมริกา)
นอกจากนี้ แร็กเกตวัย 37 ปียังกลายเป็นนักเทนนิสชายอายุมากสุดที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ด้วย ส่วนอัลการาซวัย 21 ปี ได้เหรียญเงินเป็นเหรียญรางวัลแรกในโอลิมปิกเกมส์หนแรกของตัวเอง
หลังการแข่งขัน ยอโควิช ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกว่า “มันเป็นการต่อสู้ที่เหลือเชื่อ และผมต้องเล่นเทนนิสให้ดีที่สุด มันยุติธรรมที่ทั้งสองเซ็ตจบลงด้วยไทเบรก ผมทุ่มเททั้งหัวใจ และจิตวิญญาณเพื่อคว้าเหรียญทองมาให้ได้ ผมทำเพื่อประเทศของผมก่อน เพื่อเซอร์เบีย ผมเชื่อว่าผมสามารถชนะได้ แต่การชนะจริงๆ มันเหลือเชื่อมาก”
ขณะที่ อัลการาซ วัย 21 ปีที่จบด้วยตำแหน่งเหรียญเงินระบุถึงความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศว่า “ความจริงแล้ว มันเป็นเกมที่มีความซับซ้อนมาก การต่อสู้ที่ดุเดือดเป็นเวลาสามชั่วโมง มันเจ็บปวดมากที่ต้องพ่ายแพ้ในวันนี้”