ราฟาเอล นาดาล อดีตนักเทนนิสชายมือ 1 โลก และอดีตแชมป์แกรนด์สแลม 22 สมัยออกมายอมรับว่า เขาเคยเป็นโรควิตกกังวลในการลงแข่งขัน
โดย นาดาล แขวนแร็กเกตอย่างเป็นทางการหลังจบการแข่งขัน เดวิส คัพ ไฟนัลส์ ที่เมืองมาลากา ประเทศสเปน เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา หลังทัพ “กระทิงดุ” เนเธอร์แลนด์ ในรอบก่อนรองชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว
สำหรับ นาดาล ที่เทิร์นโปรตั้งแต่ปี 2001 ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเทนนิสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์หลังเคยขึ้นไปครองตำแหน่งมือ 1 โลกตั้งแต่ปี 2008 พร้อมทำสถิติคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้ถึง 22 สมัยซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดอันดับ 2 ตลอดกาล เป็นรองเพียง โนวัก โยโควิช ที่ทำได้ 24 สมัย
นอกจากนั้นแล้วเจ้าตัวยังได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชาแห่งคอร์ตดิน” เนื่องจากเจ้าตัวประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ในการเล่นคอร์ตดังกล่าวล้นหลาม โดยเฉพาะในแกรนด์สแลม เฟรนช์ โอเพ่น ที่เจ้าตัวซิวโทรฟี่มาครองได้ถึง 14 สมัย พร้อมสถิติการแข่งขันชนะ 1080 แมตช์ และแพ้ 228 แมตช์ รวมถึงคว้าแชมป์รวมทั้งหมดในอาชีพอยู่ที่ 92 รายการ
อย่างไรก็ตามล่าสุดอดีตแร็กเกตวัย 38 ปีออกมายอมรับว่า เขาเคยป่วยเป็นโรควิตกกังวลในการเล่นอาชีพ “เป็นเวลา 30 ปีแล้วที่ภาพที่ผมฉายให้โลกเห็นนั้น ไม่ใช่ภาพที่ผมรู้สึกอยู่ภายในใจเสมอไป พูดตามตรงว่าก่อนการแข่งขันทุกครั้ง ผมรู้สึกประหม่าทุกครั้ง เพราะไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย ทุกคืนก่อนการแข่งขัน ผมเข้านอนโดยรู้สึกว่าตัวเองอาจจะแพ้ได้ (แม้กระทั่งเมื่อตื่นนอนตอนเช้า)”
“ตลอดอาชีพการเล่นของผม แชมป์แกรนด์สแลม 22 สมัยยังคงครองตำแหน่งต่อไป ผมสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี ยกเว้นอย่างเดียว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากทางจิตใจมาก ผมเคยชินกับความเจ็บปวดทางร่างกายมาก แต่มีช่วงเวลาหนึ่งบนสนามที่ผมควบคุมการหายใจได้ยากและเล่นได้ไม่ดีที่สุด ตอนนี้ผมไม่มีปัญหาที่จะพูดแบบนั้นแล้ว เราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่”
“บุคคลที่คุณเห็นอยู่กลางสนามพร้อมถ้วยรางวัลคือบุคคลคนหนึ่ง เหนื่อยล้า โล่งใจ มีความสุข รู้สึกขอบคุณ แต่ก็เป็นเพียงบุคคลคนหนึ่งเท่านั้น โชคดีที่ผมไม่ถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ เช่น ความวิตกกังวลได้ แต่ก็มีบางครั้งที่ผู้เล่นทุกคนควบคุมจิตใจได้ยาก และเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ยากที่จะควบคุมเกมของตัวเองได้ทั้งหมด”
“มีหลายเดือนที่ผมคิดจะพักการเล่นเทนนิสโดยสมบูรณ์เพื่อชำระล้างจิตใจ สุดท้ายแล้ว ผมพยายามปรับปรุงตัวเองทุกวัน ผมก้าวไปข้างหน้าเสมอ และค่อยๆ กลับมาเป็นตัวของตัวเอง ผมภูมิใจที่ได้ต่อสู้และไม่ยอมแพ้ ผมทำเต็มที่เสมอ”
