ประวัตินักกีฬา

ริวัลโด แข้งระดับตำนานชาวแซมบ้า ผู้มีชีวิตอันยากลำบากเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นหลัง

ริวัลโด

ริวัลโด วิตอร์ บอร์บา แฟร์เรย์รา หรือที่แฟนบอลทั่วโลกรู้จักกันในชื่อ “ริวัลโด้” ถือเป็นอีกหนึ่งตำนานนักเตะที่แฟนบอลทั่วโลกต่างยกให้เป็นที่สุด และสร้างความสำเร็จมากมายไว้กับโลกฟุตบอล เส้นทางของเขาตั้งแต่วัยเด็ก จนแขวนสตั๊ดค่อนข้างน่าสนใจ ทั้งยังสามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคนได้ด้วย

ริวัลโด เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1972 ที่เมืองเรซิเฟ ประเทศบราซิล เส้นทางชีวิตของเขาเริ่มต้นจากจุดที่ต่ำที่สุดของสังคมบราซิลในย่านสลัมที่เต็มไปด้วยความยากจน ความรุนแรง และขาดโอกาส แต่ด้วยพรสวรรค์ในเชิงฟุตบอลที่หาตัวจับยาก และความมุ่งมั่นที่ไม่เคยยอมแพ้ ริวัลโด้จึงสามารถก้าวข้ามความยากลำบากมาสู่เวทีสูงสุดของโลกฟุตบอลได้อย่างสง่างาม

ในวัยเด็ก ริวัลโด้เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน อดมื้อกินมื้อ และต้องใช้ชีวิตบนท้องถนนตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเผชิญกับภาวะขาดสารอาหารจนฟันหลุดหลายซี่ และขาโก่งจากการที่ร่างกายขาดแคลเซียม แม้จะมีสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แบบในสายตาคนทั่วไป แต่ริวัลโด ไม่เคยหยุดฝัน เขาฝึกฝนฟุตบอลด้วยลูกบอลที่ทำจากผ้าเก่าและขวดน้ำ ฝ่าฟันกับความลำบากในชีวิตประจำวัน เพื่อเดินตามความฝันที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรซานตาครูซในปี 1991 ก่อนจะย้ายไปอยู่กับโมฌี มีริม สโมสรเล็กๆ ซึ่งเขาเริ่มฉายแวว และถูกพัลไมรัสคว้าตัวไปร่วมทีมในปี 1994 ด้วยฟอร์มอันโดดเด่น ริวัลโด ได้ย้ายไปค้าแข้งในยุโรปกับเดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา ในลาลีกา สเปน และในปี 1997 เขาก็ได้รับโอกาสย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลนา ซึ่งเป็นช่วงที่เขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพค้าแข้ง

ระหว่างปี 1997 ถึง 2002 ที่บาร์เซโลนา ริวัลโด กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีม เขาพาทีมคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย และคว้ารางวัลส่วนตัวมากมาย โดยเฉพาะในปี 1999 ที่เขาทำผลงานยอดเยี่ยมจนคว้ารางวัล บัลลงดอร์ หรือรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลก รวมถึง FIFA World Player of the Year ได้สำเร็จ ความสามารถในการเล่นด้วยเท้าซ้ายอันเฉียบคม การยิงไกลที่แม่นยำ และการเลี้ยงบอลที่ลื่นไหล ทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นแนวรุกที่อันตรายที่สุดในโลกยุคนั้น

ริวัลโด

สำหรับทีมชาติบราซิล ริวัลโด ติดทีมชาติครั้งแรกในปี 1993 และเป็นหนึ่งในคีย์แมนของทีมในช่วงปลายยุค 90 เขามีบทบาทสำคัญในการพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ร่วมเป็นเจ้าภาพ โดยทำไปถึง 5 ประตูในทัวร์นาเมนต์นั้น ประสานงานร่วมกับโรนัลโด และโรนัลดินโญ่ ได้อย่างลงตัว สร้างหนึ่งในแนวรุกที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก

หลังจากอำลาบาร์เซโลนา ริวัลโด มีช่วงเวลาสั้นๆ กับเอซี มิลาน และคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2003 แม้บทบาทจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็เป็นเกียรติยศที่เพิ่มความสำเร็จให้กับชีวิตค้าแข้งของเขา จากนั้นเขาเดินทางไปเล่นในหลายประเทศ ทั้งกรีซ, อุซเบกิสถาน และแม้กระทั่งในแองโกลา ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2015 ขณะอายุ 43 ปี กับสโมสรโมฌี มีริม สโมสรแรกในอาชีพ ซึ่งเขาได้ลงเล่นเคียงข้างลูกชายของตัวเอง เป็นหนึ่งในช่วงเวลาสุดซึ้งของชีวิตการเป็นนักฟุตบอล

หลังจากแขวนสตั๊ด ริวัลโด ยังคงมีบทบาทในวงการฟุตบอล โดยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของสโมสรโมฌี มีริม และมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมและเยาวชนผ่านมูลนิธิของเขาเองในบราซิล นอกจากนี้ เขายังรับงานเป็นนักวิเคราะห์ฟุตบอล และบางครั้งร่วมงานกับสื่อในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านลูกหนัง

แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ชื่อของริวัลโด ยังคงถูกกล่าวถึงในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลบราซิลที่เก่งที่สุดตลอดกาล ด้วยสไตล์การเล่นที่สง่างาม เต็มไปด้วยเทคนิคชั้นสูง และความสามารถในการสร้างสรรค์เกมที่หาตัวจับยาก เขาคือตัวแทนของความฝัน ความพยายาม และการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนทั่วโลกอย่างแท้จริง

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top