ทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ทีมอันดับ 6 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ออกแถลงการณ์ว่าทำการส่งตัว รีซ เจมส์ กองหลังวัย 22 ปี ไปยังประเทศดูไบ เพื่อดำเนินการฟื้นฟูร่างกายภายในสัปดาห์นี้
โดยนักเตะทีมชาติอังกฤษ ได้รับบาดเจ็บ จากเกมที่เชลซี บุกเอาชนะ ปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ในศึกฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่สโมสรจะออกมายืนยันว่านักเตะต้องพักนานราว 8 สัปดาห์ หลังจากได้รับบาดเจ็บที่เข่า ทำให้คาดกันว่าการบาดเจ็บดังกล่าวอาจทำให้เขาต้องพลาดมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์
อย่างไรก็ตามรีซ เจมส์ ยังคงเดินหน้ารักษาอาการบาดเจ็บโดยมีความหวังว่าจะมีชื่อติดทัพทีมชาติอังกฤษไปลุยฟุตบอลโลก ซึ่งล่าสุดสโมสรต้นสังกัดออกแถลงการณ์ระบุว่า เตรียมส่งนักเตะไปดูไบเพื่อฟื้นฟูร่างกาย พร้อมด้วย เวสลี่ย์ โฟฟาน่า อีกหนึ่งกองหลังดาวรุ่งของทีมที่ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกันก็จะเดินทางไปพร้อมกันด้วย
“รีซ เจมส์ และเวสลี่ย์ โฟฟาน่า จะดำเนินการเรื่องแผนฟื้นฟูร่างกายที่ดูไบ ในสัปดาห์นี้ โดยทีมแพทย์ของเชลซีจะร่วมเดินทางไปกับทั้งคู่ด้วย” แถลงการณ์ของสิงบลูส์ระบุ
คาดกันว่าการตัดสินใจส่งนักเตะไปดูไบครั้งนี้ทางเชลซี เชื่อว่าจะทำให้นักเตะฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้จาก 6 สัปดาห์อาจจะเร่งฟิตร่างกายเร็วกว่าใน 3 สัปดาห์เลยทีเดียว
สำหรับการบาดเจ็บของรีซ เจมส์ นั้นไม่ใช่เพียงแค่สโมสรอย่างเดียวที่ได้รับผลกระทบ แต่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากว่านักเตะในตำแหน่งเดียวกันประสบปัญหาอาการบาดเจ็บไปหลายราย อย่างไรก็ตามการประกาศรายชื่อนักเตะของทัพ ทรี ไลออนส์ จะมีการเปิดโผ 26 นักเตะในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้
สำหรับรีซ เจมส์ อยู่กับอคาเดมีของเชลซี มาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2019 เดบิวท์ในพรีเมียร์ลีกด้วยการเป็นตัวสำรองในเกมพบนิวคาสเซิล ก่อนจะเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกมที่ชนะคริสตัล พาเลซ 2-0 ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ผลงานในระดับทีมชาติ เขาลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษรุ่น U21 คว้าแชมป์รายการตูลง ทัวร์นาเม้นต์ ในปี 2017 และยูโร U19 ในปี 2019 ด้วย
โดยแข้งวัย 22 ปี เพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมสิงห์บลูส์ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ระยะเวลาจนถึงปี 2028 ซึ่งคาดกันว่าสัญญาฉบับนี้ทำให้รีซ เจมส์ ขึ้นแท่นเป็นกองหลังที่มีค่าเหนื่อยสูงสุดของสโมสร โดยคาดว่าจะได้รับค่าเหนื่อยอยู่ที่สัปดาห์ละ 250,000 ปอนด์ หรือราว 10.75 ล้านบาท
