แม้จะเป็นเพียงกุนซือขัดตาทัพแต่ รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็ทำให้แฟน “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มีรอยยิ้มกับเขาบ้าง เมื่อได้โอกาสคุมทีมหลังจาก เอริก เทน ฮาก โดนปลดออกจากทีม ก่อนจะพา แมนฯ ยู เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 5-2 ในศึกลีก คัพ เมื่อคืนวันที่ 30 ตุลาคม
รุด ฟาน นิสเตลรอย เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1976 ที่เมืองออส ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเป็นคนที่สนใจเล่นกีฬาตั้งแต่ยังเด็ก และด้วยความที่มีพรสวรรค์ทำให้เขาเล่นทั้งฟุตบอล เทนนิส และยิมนาสติก ด้วย
ฟาน นิสเตลรอย เริ่มเข้าสู่เส้นทางลูกหนังอาชีพอย่างจริงจังเมื่อเข้าเป็นเด็กเยาวชนของ Nooit Gedacht ตอนอายุ 5 ขวบ ก่อนที่ตอนอายุได้ 14 ปี จะย้ายไปยัง RKSV Margriet โดยเริ่มแรกเดิมทีลงเล่นในตำแหน่งกองกลาง แต่ 1 ปี ต่อมาเมื่อเขาได้ย้ายทีมอีกครั้งไปอยู่กับ เดน บอสช์ ในปี 1991 เขาก็ได้เรียนรู้ และพัฒนาทักษะการเล่นของตัวเองมากมาย ก่อนที่เมื่อขึ้นชุดใหญ่ของ เดน บอสช์ ในปี 1993 เขาจะถูกขยับขึ้นไปเล่นเป็น ศูนย์หน้าของทีม
ผลงาน 71 นัด 20 ประตู กับ เดน บอสช์ และการไปค้าแข้งกับ ฮีเรนวีน ในฤดูกาล 1997/98 ทำไปอีก 16 ประตู จาก 40 นัด ทำให้เขาได้รับความสนใจจาก พีเอสวี ยักษ์ใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ ทุ่มซื้อตัวเขาในราคา 4.2 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ ในขณะนั้น
รุด ฟาน นิสเตลรอย ยิงประตูเป็นว่าเล่น ฤดูกาลแรก 1998/99 ที่เขามายัง พีเอสวี ก็กดไปถึง 41 ประตูจาก 46 นัด ต่อมาฤดูกาล 1999/2000 ก็ยิงไปอีก 32 ประตู จาก 32 นัด ทำให้เขาได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของเนเธอร์แลนด์
เข้าสู่ปี 2000 รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้รับความสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างมาก แต่ด้วยอาการบาดเจ็บของเขา ทำให้เขาพลาดลงเล่นเกือบทั้งฤดูกาล ซึ่งตอนนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือมากบารมีของ แมนฯ ยู ก็ยื่นข้อเสนอให้เขาเข้ารับการรักษา แต่เขาปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะต้องพลาดการลงสนามในศึกยูโร 2000 แต่ 2 วันต่อมา เขาก็ต้องล้มลงเนื่องจากความเจ็บปวดในขณะที่ฝึกซ้อมอยู่กับ พีเอสวี และพบว่าที่เข่าขวาของเขามีอาการบวมอย่างหนักบริเวณเส้นเอ็น และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงต้องเข้ารับการรักษาที่คลินิคใน เวล, โคโลราโด้ และทำให้เขาทำได้เพียงดูศึกยูโร 2000 ทางทีวีเท่านั้น
ช่วงเวลาที่ รุด รักษาอาการบาดเจ็บ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั้นคอยติดต่อพูดคุยให้กำลังใจกับเขามาโดยตลอด ทำให้ในที่สุด รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็ตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพ แมนฯ ยู ในฤดูกาล 2001/02 และนับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ยิงประตู และสร้างความสำเร็จให้กับ แมนฯ ยู มากมาย
แชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และคอมมูนิตี ชิลด์ 1 สมัย พร้อมกับผลงานยิง 150 ประตู จากทั้งหมด 219 นัด ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะสุดรักของแฟนแมนฯ ยู ตลอดกาล แม้ในเวลาต่อมา เขาจะย้ายไปประสบความสำเร็จกับ เรอัล มาดริดต่อ ในฤดูกาล 2006/07 ด้วยการคว้าแชมป์ ลาลีก้า สเปน 2 สมัย และ ซูเปอร์โคปา 1 สมัย ทำสถิติ ยิง 64 ประตู จาก 96 นัด รวมถึงย้ายไปเล่นกับ ฮัมบูร์ก ในบุนเดสลีก้า ปี 2009/19 และ มาลาก้า 2011/12 ก่อนแขวนสตั๊ด ไม่ว่าอย่างไรทุกวันนี้เขาก็ยังคงเป็นที่รักของแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หลังจากแขวนสตั๊ด รุด ผันตัวมาทำงานสายเทรนเนอร์ด้วยการเป็น ผู้ช่วยโค้ชก่อน เคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ราว 2 ปีด้วยกันในช่วงปี 2014-2016 จากนั้นก็ได้มาเป็นโค้ชกองหน้าและโค้ชทีมชุดเยาวชนของ พีเอสวี ตั้งแต่ชุด ยู-18, ยู-19 และ ยู-21 ในปี 2016-2022
ในฤดกาล 2022/23 รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้ขยับขึ้นมาเป็นเฮดโค้ช ทีมชุดใหญ่ของ พีเอสวี ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์และแชมป์ ดัตช์ ซุเปอร์ลีก และลาออกจากสโมสร
ก่อนหน้นี้ มีหลายทีมสนใจจะให้เขาไปคุมทีมด้วยไม่ว่าจะเป็น เบิร์นลีย์ ทีมในเดอะแชมเปี้ยนชิพ หรืออีกหลายทีมในเยอรมนี และ สเปน แต่ รุด ฟาน นิสเตลรอย เลือกที่จะปฏิเสธไปทั้งหมดเพื่อที่จะมาเป็นผู้ช่วยโค้ชของเอริก เทน ฮากในฤดูกาล 2024/2025
หากตัดตัวเต็งอย่าง รูเบน อโมริม ออกไป รุด ฟาน นิสเตลรอย ในวัย 48 ปี ก็มีพร้อมทั้งประสบการณ์และความสามารถ รวมถึงการเป็นที่รักของแฟนบอล เชื่อว่าจะทำให้เขาเป็นโค้ชอีกคนหนึ่งที่สามารถฝากความหวังในการกู้วิกฤตผลงานทีมกลับมาได้อย่างแน่นอน