องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาดา) ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการ (ซีเอเอส) เพื่อเรียกร้องให้มีการลงโทษแบน ยานนิก ซินเนอร์ นักเทนนิสชายมือ 1 ของโลกจากอิตาลี จากกรณีถูกตรวจพบสารต้องห้ามในร่างกาย
ย้อนไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซินเนอร์ถูกตรวจพบว่าในร่างกายมีสารต้องห้ามประเภทสเตียรอยด์ในปริมาณต่ำ โดยผลตรวจออกมาตรงกัน 2 รอบ แต่หน่วยงานกำกับดูแลความซื่อสัตย์แห่งเทนนิสนานาชาติระบุว่านักหวดรายนี้ได้รับสารผ่านการฉีดสเปรย์ของนักกายภาพบำบัด
โดยนักเทนนิสชาวอิตาลีตรวจพบว่ามีสารต้องห้ามประเภทสเตียรอยด์ที่ใช้สำหรับสร้างมวลกล้ามเนื้อในระดับต่ำ ระหว่างการแข่งขันอินเดียน เวลส์ มาสเตอร์ส และหลังจากนั้น 8 วัน เขาถูกตรวจสารกระตุ้นอีกครั้งก็พบสารตัวเดิมในระดับต่ำเช่นกัน
หน่วยงานกำกับดูแลความซื่อสัตย์แห่งเทนนิสนานาชาติ (ไอทีไอเอ) ระบุว่า นักเทนนิสรายนี้ได้รับสารดังกล่าวผ่านการฉีดสเปรย์ของนักกายภาพบำบัด จึงเป็นเหตุให้มองว่านักกีฬาไม่ได้ตั้งใจใช้สารต้องห้ามแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ทำให้ ซินเนอร์ จึงรอดตัวไม่ต้องรับโทษแบน เพราะถูกมองว่าไม่ได้มีเจตนาโด๊ป โดยนักหวดรายนี้ถูกลงโทษเพียงหักคะแนนสะสมอันดับโลก และริบเงินรางวัลจากรายการที่เจ้าตัวถูกตรวจพบสารระหว่างแข่งขันเท่านั้น
อย่างไรก็ตามล่าสุด วาดา ได้เปิดเผยถึงการยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้ โดยมองว่าคำตัดสินที่ระบุว่าซินเนอร์ไม่มีความผิดหรือไม่มีเจตนานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบการแข่งขัน และนักหวดอิตาเลียนควรต้องรับโทษแบน 1-2 ปี พร้อมกล่าวในแถลงการณ์ว่า “วาดา กำลังดำเนินการขอระงับสิทธิ์ในการแข่งขันของซินเนอร์เป็นเวลา 1-2 ปี”
ถึงกระนั้น วาดา ยืนยันว่า ไม่ได้ดำเนินการขอเพิกถอนสิทธิ์หรือเพิกถอนผลการแข่งขันที่ได้ทำการแข่งขันไปแล้วทั้งหมดของ ซินเนอร์ แต่อย่างใด
ส่วนหน่วยงานกำกับดูแลความซื่อสัตย์แห่งเทนนิสนานาชาติเองก็เผยแถลงการณ์ว่า ทางองค์กรยอมรับและเคารพสิทธิ์ของ วาดา ในการยื่นอุทธรณ์ถึง ซีเอเอสครั้งนี้
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ซินเนอร์ วัย 23 ปีอยู่ในอันดับ 1 ของโลกด้วยการมี 11,180 คะแนนโดยทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ จากเยอรมนีที่มี 6,875 คะแนน, อันดับ 3 คาร์ลอส อัลคาราซ จากสเปนที่มี 6,690 คะแนน และโนวัก ยอโควิช จากเซอร์เบียที่มี 5,560 คะแนน ทำให้คาดว่าเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 2 สมัยจะครองตำแหน่งแร็กเกตมือ 1 โลกหลังจบฤดูกาล 2024