ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ เรอัล มาดริด จะขาดไม่ได้เสียแล้วในเวลานี้สำหรับ วินิซิอุส จูเนียร์ จอมเลื้อยชาวแซมบ้า ที่พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นตัวหลักทางริมเส้นฝั่งซ้าย และทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง
วินิซิอุส โฮเซ ไปเซา เดอ โอลิไวรา จูเนียร์ เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2000 ในย่านเซา กอนคาโล เมืองริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ครอบครัวของเขาประกอบไปด้วย คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชาย 2 คน และน้องสาวอีกหนึ่งคน
ชีวิตประจำวันในวัยเด็กของ วินิซิอุส นั้นค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ออกไปเตะบอลเล่นนอกบ้านกับกลุ่มเพื่อน ก็กลับมาเล่นเกมในบ้าน ซึ่งเขามักจะชอบเล่นเกม ฟีฟ่า โดยใช้ ลิโอเนล เมสซี เลี้ยงหลบคู่แข่งเข้าไปยิงอยู่เสมอ
และแน่นอนว่าความฝันของ วินิซิอุส นั้นเหมือนกับเด็กบราซิลส่วนใหญ่ทั่วไป นั่นคือการได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่จุดเริ่มต้นของเขาเริ่มจากฟุตซอล โดยมีไอดอลคือ โรบินโญ อดีตศูนย์หน้าจอมพลิ้วทีมชาติบราซิล ซึ่งเมื่อเขาอายุได้ 6 ขวบ คุณพ่อก็พา วินิซิอุส ไปลงทะเบียนฝึกซ้อมกับทีม คันโต โด ริโอ สโมสรฟุตซอลทางใต้ของเซา กอนคาโล
ในทุกวัน วินิซิอุส ต้องนั่งเรือข้ามฟากจากบ้าน เพื่อไปสนามฝึกซ้อมฟุตซอลแห่งนี้ แต่นานเข้าคุณพ่อคุณแม่เริ่มสู้ค่าเดินทางไม่ไหว ทำให้ต้องฝาก วินิซิอุส ให้ไปอยู่บ้านของคุณลุงซึ่งใกล้กับสนามฝึกซ้อม ทำให้เขาสามารถมุ่งสมาธิไปกับฟุตซอลเต็มที่ ก่อนจะพัฒนาทักษะต่างๆ ซึ่งนอกเหนือจากการเลี้ยงบอลอันเป็นจุดเด่นของเขาแล้ว วินิซิอุส ยังได้เรียนรู้วิธีเล่นในพื้นที่แคบ ทำให้เขามีความคล่องตัว มีปฏิกริยาตอบสนองที่เป็นเลิศ ในที่สุดก็กลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีม
ผ่านมา 3 ปี เมื่อ วินิซิอุส อายุได้ 9 ขวบ คุณพ่อและคุณแม่ ได้พาเขาไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอล ฟลาแมงโก อคาเดมี เพราะต้องการให้หันมาเล่นฟุตบอล แต่ในครั้งนั้นแม้ ฟลาแมงโก จะสนใจในตัว วินิซิอุส แต่ก็ได้บอกให้เขากลับมาใหม่ใน 1 ปีให้หลัง ซึ่งตอนแรกนั้น วินิซิอุส ตั้งใจจะกลับไปเอาดีทางด้านฟุตซอลเหมือนเดิมแล้ว แต่เป็นคุณพ่อคุณแม่ ที่แนะนำให้เขารอก่อน และก็ดูเหมือนนี่จะเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เพราะ 1 ปีต่อมา เมื่อ วินิซิอุส กลับไปทดสอบอีกครั้ง ก็ได้รับเลือกในที่สุด
วันเวลาผ่านไป วินิซิอุส ค่อยพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นเพชรเม็ดงามที่กำลังถูกเจียรนัย เพิ่มความสวยงามขึ้นทุกวัน เขาพาทีมชาติบราซิล ชุดอายุไม่เกิน 15 ปี คว้าแชมป์ อเมริกาใต้ ในปี 2015 ก่อนที่ในปี 2017 จะพาทีมชาติบราซิล ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี คว้าแชมป์อเมริกาใต้ อีกเช่นกัน และในปีเดียวกันนั้นเอง เขาก็ถูกดันขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ ฟลาเมงโก เต็มตัว
วินิซิอุส ลงเล่นให้กับ ฟลาเมงโก 1 ฤดูกาล ท่ามกลางฟอร์มการเล่นอันเป็นที่น่าจับตามองของยักษ์ใหญ่ในยุโรป ก่อนจะเป็น เรอัล มาดริด ที่คว้าตัวเขามาครองได้สำเร็จ ในปีต่อมาด้วยค่าตัว 46 ล้านยูโร เป็นสถิติอันดับ 2 ของฟุตบอลบราซิล โดยเป็นรองแค่สถิติค่าตัวของ เนย์มาร์ ที่ย้ายไปบาร์เซโลนา
เมื่อย้ายออกมาสู่ความยิ่งใหญ่กับ ราชันชุดขาว ในช่วงแรกนั้นเขาถูกจับให้ไปปรับตัว และเพิ่มกระดูกอีกนิดหน่อย กับทีมสำรอง ก่อนที่ในฤดูกาลต่อๆมาจะเริ่มได้รับโอกาส และกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมอย่างในปัจจุบัน โดยลงสนามไปแล้ว 124 นัด ยิงไป 30 ประตู คว้าแชมป์ลาลีก้า 2 สมัย, ซูเปอร์โคปา 2 สมัย, แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2018
เรียกได้ว่ากวาดความสำเร็จมามากมายทั้งที่อายุเพิ่ง 22 ปี เท่านั้น วินิซิอุส เติบโตขึ้นมาเป็นเพชรเม็ดงามของทีมชาติบราซิล และเรอัล มาดริด อีกทั้งจากนี้ยังมีเวลาให้เขาพัฒนาฝีเท้า และกอบโกยความสำเร็จอีกมาก บางทีในสักวันเขาอาจจะได้ชื่อเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกเลยก็เป็นได้