ความเคลื่อนไหวของการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2025 ที่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ หรือ เอฟไอวีบี (FIVB) ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา และรอประกาศประเทศเจ้าภาพ โดยสื่อต่างประเทศต่างรายงานว่า ประเทศไทย มีโอกาสสูงที่จะได้รับหน้าที่จัดการแข่งขันในครั้งนี้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 67 สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย จัดการประชุมสมัชชาใหญ่ของสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเซีย (25th AVC General Assembly) ที่โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยการประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากสมาคมและสหพันธ์วอลเลย์บอลในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นสมาชิกภาพของสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย จำนวน 65 ประเทศ เข้าร่วม
นอกจากนี้ ดร.อาลี กาซา ประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) เข้าร่วมการประชุม และเป็นผู้กล่าวนำถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในศุภวาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมาด้วย โดยวาระสำคัญของการประชุมคือการเลือกตั้งประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย (AVC) คนใหม่ ซึ่งมีผู้สมัคร 2 คน ได้แก่ มร.รามอน ซูซารา นายกสมาพันธ์วอลเลย์บอลแห่งฟิลิปปินส์ กับ มร.อาลี กรานิม อัล คูไวรี นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งกาตาร์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 ส.ค.นี้
ร.ท.ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ รองประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ สหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย กล่าวว่า การเลือกตั้งประธานสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก 2025 นั้น ล่าสุด ฟิลิปปินส์ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพประเภททีมชาย ส่วนประเภททีมหญิง สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ อยากให้ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ แต่ยังต้องรอการตัดสินใจจากรัฐบาลอีกครั้ง
“บิ๊กติ๋ม” กล่าวต่อว่า ขณะนี้ สมาคมฯ พร้อมที่จะเดินหน้า แต่เราต้องรอการตัดสินใจจากรัฐบาล อยู่ในขั้นตอนรอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เรื่องต่างๆ ก็ได้นำเสนอไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย รอเพียงการอนุมัติว่าจะจัดหรือไม่จัด แต่สหพันธ์ฯ และสมาคมฯ ก็พร้อมหากได้รับการอนุมัติ เดินหน้าได้ทันที โดยจะแข่งขันระหว่างวันที่ 26 ส.ค.-7 ก.ย.ปีหน้า
ด้าน นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังต้องรอการพูดคุยกับทางรัฐบาล และต้องรอการตั้ง ครม.ชุดใหม่ ให้เสร็จ เพราะต้องใช้งบประมาณที่สูงเบื้องต้นอยู่ที่ 600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน และก็เลยกำหนดเดดไลน์มาแล้ว
นายสมพร เผยอีกว่า ในส่วนของสนามที่จะใช้จัดการแข่งขัน หากทาง เอฟไอวีบี เลือกให้ไทยเป็นเจ้าภาพนั้นมีอยู่ 2 ทางเลือก โดยตัวเลือกแรกจะจัดใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่, ภูเก็ต, นครราชสีมา และจัดรอบชิงชนะเลิศที่ กรุงเทพมหานคร ส่วนตัวเลือกที่ 2 จะจัดใน 2 จังหวัด คือ นครราชสีมา และเข้ามาจัดรอบชิงชนะเลิศที่กรุงเทพมหานคร