เรียกได้ว่าเป็นเซฟแห่งฤดูกาลก็ว่าได้สำหรับ จังหวะของ สเตฟาน ออร์เตก้า ที่ป้องกันลูกยิงของ ซน เฮือง มิน ที่หลุดเดี่ยว เข้ามาในช่วงท้ายเกม ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่โดน สเปอร์ ตีเสมอ ก่อนสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะปิดกล่องเอาชนะไป 2-0 ในแมตช์รองสุดท้ายของฤดูกาล 2023/24 และนั่นส่งผลให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์
สเตฟาน ออร์เตก้า เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 1992 ที่เมือง ฮอฟจีสมาร์ ประเทศเยอรมนี สมัยยังเด็กนั้นเขาผ่านการเป็นผู้เล่นเยาวชนกับหลายสโมสรไม่ว่าจะเป็น TSV Jahn Calden, KSV Baunatal, Hessen Kassel ก่อนจะมาอยู่กับ อาร์มีเนีย บีเลเฟลด์ ตอนอายุ 15 ปี
ออร์เตก้า เป็นผู้รักษาประตูที่ร่างกายปกติ ไม่สูง และไม่เล็กจนเกินไป แต่เขาโดดเด่นในเรื่องของ ปฏิกิริยา และการอ่านทางบอล และเพียงอายุ 19 ปีเท่านั้น เขาก็ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งมือ 1 ให้กับ อาร์เมเนีย ชุดใหญ่ ที่เล่นอยู่ใน ลีก 3 เยอรมนี
ออร์เตก้า ช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นมาอยู่ใน ลีก 2 บุนเดสลีก้า ในฤดูกาล 2013/14 ก่อนที่ในฤดูกาล 2014/15 เขาจะย้ายไปร่วมทีม 1860 มิวนิก ในลีก 2 บุนเดสลีก้า เช่นกัน ซึ่ง ออร์เตก้า อยู่กับทีมใหม่อยู่ 3 ฤดูกาล ก่อนจะกลับมาอยู่กับ บีเลเฟลด์ อีกครั้งในฤดูกาล 2017/18
หลังจากย้ายมาอยู่กับ บีเลเฟลด์ คำรบใหม่ เขายังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญและผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีม โดยพา บีเลเฟลด์ คว้าแชมป์ ลีก 2 ในฤดูกาล 2019/20 พร้อมกับเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในบุนเดสลีก้า ได้สำเร็จ
บีเลเฟลด์ และ ออร์เตก้า โลดแล่นอยู่ในบุนเดสลีก้า อยู่ 2 ฤดูกาล ก็ต้องตกชั้นลงไปเล่นในลีก 2 อีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นฟอร์มของ ออร์เตก้า ก็เป็นที่ประทับใจของแฟนๆ รวมถึงหลายๆทีมที่ก็จ้องคว้าตัวเขาไปร่วมทีมเช่นกัน เพราะในฤดูกาล 2020/21 เขาทำสถิติเป็นผู้รักษาประตู ที่เซฟมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของบุนเดสลีก้า เลยทีเดียว
ฤดูกาล 2022/23 ออร์เตก้า นั้นหมดสัญญากับ บีเลเฟลด์ พอดิบพอดี ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฉวยโอกาสนั้น เซ็นเขาไปร่วมทีมแบบฟรีๆ โดยหวังให้เป็นมือ 2 รองจากมือ 1 อย่าง เอเดอร์ซอน
แน่นอนว่าจำนวนแมตช์ที่ลงเล่นของ ออร์เตก้า นั้นน้อยนิด แต่เขาก็รอโอกาสอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นในฟุตบอลถ้วย หรือในยอมที่ เอเดอร์ซอน ได้รับบาดเจ็บ กระทั่งช่วงปลายฤดูกาล 2023/24 ออร์เตก้า ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก เอเดอร์ซอน เจ็บ และเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
อย่างที่ระบุไว้ข้างต้นแมตช์ที่ควรจะปรบมือให้เขามากที่สุด คือเกมที่พบกับ สเปอร์ ในนัดที่ 37 ของฤดูกาล ออร์เตก้า ถูกส่งมาในครึ่งหลังของเกม และช่วยทีมคว้าแชมป์ด้วยเซฟมหัศจรรย์ ที่ป้องกันลูกยิงของ ซน เฮือง มิน ที่หลุดเดี่ยวเข้ามาหวังทำประตู ซึ่งกลับกันหากลูกนั้นเป็นประตู แชมป์จะตกไปอยู่ในมือของ อาร์เซนอล ทันที
ในฤดูกาลหน้ามีข่าวแว่วๆว่า เอเดอร์ซอน อาจจะโบกมืออำลา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และไปโกยเงินกับเศรษฐีน้ำมัน ในลีก ซาอุดีอาระเบีย ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นโอกาสให้ ออร์เตก้า ซึ่งก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของทีมก็เป็นได้