ประวัตินักกีฬา

หลุยส์ เอ็นริเก กุนซือผู้สร้างสมดุลให้กับ เปเอสเช แม้ในวันที่ไร้ซูเปอร์สตาร์

หลุยส์ เอ็นริเก

 หลุยส์ เอ็นริเก ถือเป็นอีกหนึ่งกุนซือระดับโลก และประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งสมัยเป็นนักเตะ และตอนผันตัวมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน โดยล่าสุดเขาเข้าใกล้การสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยการพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียน์ ลีก 2024/25 ได้สำเร็จ

หลุยส์ เอ็นริเก มาร์ติเนซ การ์เซีย เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1970 ที่เมืองฆิฆอน ประเทศสเปน เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังในตำแหน่งกองกลางและแบ็กซ้าย โดยเริ่มอาชีพค้าแข้งกับสปอร์ติง กิฆอน ก่อนจะย้ายไปสร้างชื่อกับเรอัล มาดริด ระหว่างปี 1991–1996 และต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญของบาร์เซโลนาในช่วงปี 1996–2004 ซึ่งการลงเล่นให้กับสองสโมสรยักษ์ใหญ่ของสเปนแสดงให้เห็นถึงความสามารถและจิตวิญญาณนักสู้ของเขาอย่างชัดเจน โดยตลอดอาชีพนักเตะ เอ็นริเกลงสนามในลาลีกามากกว่า 400 นัด ยิงได้กว่า 100 ประตู

ตลอดช่วงการเป็นนักเตะ เอ็นริเกคว้าแชมป์มาครองหลายรายการ เริ่มจากแชมป์โกปา เดล เรย์ กับเรอัล มาดริดในฤดูกาล 1992/93 และแชมป์ลาลีกาในฤดูกาลถัดมา 1994/95 ก่อนจะย้ายมาอยู่กับบาร์เซโลนา ซึ่งเขาประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ ในฤดูกาล 1996/97 และแชมป์ลาลีกาในฤดูกาล 1997/98 รวมถึงยูฟ่าซูเปอร์คัพในปี 1997 ด้วย นอกจากนี้เขายังมีส่วนร่วมกับทีมชาติสเปนในฟุตบอลโลกถึงสามสมัย (1994, 1998, 2002) และยูโร 1996 แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์ในนามทีมชาติได้ แต่เขาก็เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติในยุคนั้น

หลังแขวนสตั๊ดในปี 2004 เอ็นริเกเบนเข็มเข้าสู่สายงานโค้ช เริ่มจากการคุมทีมบาร์เซโลนา เบ และนำทีมเลื่อนชั้นสู่เซกุนดา ดิวิซิออนในปี 2010 จากนั้นย้ายไปรับงานกับโรมาในอิตาลี และกลับมาสเปนเพื่อคุมเซลตา บีโก ก่อนที่ บาร์เซโลนา จะดึงตัวเขากลับมาในฐานะกุนซือทีมชุดใหญ่ในปี 2014 

 ฤดูกาลแรกของเขากับบาร์ซาถือว่าเป็นตำนาน โดยพาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์—ลาลีกา, โกปา เดล เรย์ และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ด้วยรูปแบบการเล่นที่ดุดันและรวดเร็ว ซึ่งพัฒนาไปจาก “ติกี้-ตาก้า” แบบดั้งเดิม กลายเป็นฟุตบอลที่สมดุลทั้งรุกและรับโดยมีสามประสาน MSN (เมสซี่, ซัวเรซ, เนย์มาร์) เป็นหัวใจหลัก

หลุยส์ เอ็นริเก

หลังจากสิ้นสุดช่วงเวลาในคัมป์ นู เอ็นริเกเข้ารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติสเปนในปี 2018 และนำทีมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูโร 2020 รวมถึงรอบชิงยูฟ่า เนชันส์ ลีก แม้สุดท้ายจะไม่สามารถคว้าแชมป์ใด ๆ กับทีมชาติได้ แต่รูปแบบการเล่นที่เขาสร้างให้ทีมกลับมาน่ากลัวอีกครั้ง ทำให้เขายังคงเป็นหนึ่งในกุนซือที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในระดับนานาชาติ

ในปี 2023 หลุยส์ เอ็นริเกกลับคืนสู่ระดับสโมสรอีกครั้ง โดยรับงานคุมทัพปารีส แซงต์-แชร์กแมง ท่ามกลางความกดดันและความคาดหวังจากแฟนบอลทั่วโลก หลังการอำลาทีมของลิโอเนล เมสซี่ และเนย์มาร์ เอ็นริเกได้เริ่มภารกิจใหม่ด้วยการสร้างทีมจากรากฐาน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาแข้งดาวรุ่งอย่างวอร์เรน ซาเอเร่-เอเมรี่, แบรดลีย์ บาร์โกลา และคีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ยังคงเป็นกำลังหลักในแนวรุก

ในฤดูกาล 2024/25 เมื่อ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ย้ายออกจากทีมไป ใครก็คิดว่าจะทำให้ เปเอสเช ลดศักยภาพลง แต่ เอ็นริเก กลับสร้างความสมดุลให้กับทีม และพา เปเอสเช คว้าแชมป์ลีกเอิง ได้ตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล พร้อมกับพาทีม เอาชนะ อาร์เซนอล ในรอบรองชนะเลฺิศ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ พร้อมกับการชื่นชมจากทั้งสื่อ และแฟนบอล

 เวลานี้ หลุยส์ เอ็นริเก กำลังลุ้นเป็นโค้ชที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ให้กับ เปเอสเช และไม่ว่าสุดท้ายผลจะออกเป็นอย่างไร เชื่อว่าเขา จะยังถูกยกย่องเป็นหนึ่งในกุนซือระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งแน่นอน

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top