โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย อดีตเจ้าของทีมเชลซี เปิดปากเป็นครั้งแรกหลังจากตัดสินใจขายทีม พร้อมยืนยันไม่คิดซื้อทีมคืนอีก
มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ถูกรัฐบาลของสหราชอาณาจักรสั่งคว่ำบาตร ในปี 2022 หลังถูกมองว่ามีความสนิทสนมกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของ รัสเซีย ซึ่งเกิดขึ้นช่วยที่ รัสเซีย ทำสงครามรุกราน ยูเครน อย่างหนัก และ โรมัน อบราโมวิช ยังถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนการรุกรานดังกล่าวด้วย
ซึ่งจากการคว่ำบาตรดังกล่าว ทำให้อบราโมวิช ได้รับผลกระทบหลายอย่าง เช่น การห้ามเข้าประเทศในเครือสหราชอาณาจักร, การหมดสิทธิ์ทำธุรกรรมด้านการเงินทุกประเภทในสหราชอาณาจักรและการโดนยึดทรัพย์ ซึ่งหนึ่งในทรัพย์สินดังกล่าว รวมถึงสโมสรฟุตบอลเชลซีด้วย
จากเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ อบราโมวิช ตัดสินใจขายสโมสรเชลซี ที่เขาถือครองมาตั้งแต่ปี 2003 และเป็นกลุ่มทุนที่นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี เข้ามาเทกโอเวอร์ไป
ล่าสุดมีการเปิดเผยบทสัมภาษณ์ของ โรมัน อบราโมวิช ผ่านทางหนังสือ Sanctioned: The Inside Story of the Sale of Chelsea FC โดยมีเนื้อหาหลักๆคือคือเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจขายสโมสรเชลซี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ขายสโมสรด้วย
“บางทีวันหนึ่งผมอาจจะเข้าไปชมเกมที่นั่นได้และได้บอกลาแบบเหมาะสม แต่มันก็คงไม่มีการทำอะไรมากกว่านั้น” อบราโมวิช กลายในช่วงหนึ่งของหนังสือ
“ผมไม่มีความสนใจที่จะรับบทบาทใดๆ ก็ตามในระดับสโมสรของวงการฟุตบอลแล้ว ผมไม่คิดที่จะทำอะไรก็ตามกับสโมสรฟุตบอลอาชีพอีกต่อไป”
“ผมอาจจะช่วยในเรื่องอะคาเดมีหรือเยาวชนได้บ้าง อย่างเช่นการให้โอกาสกับคนที่มีพื้นเพยากไร้ ถ้ามันมีการริเริ่มที่จะช่วยสร้างความแตกต่างได้บ้าง แต่ในเรื่องของการเป็นเจ้าของทีมหรือการมีบทบาทแบบเป็นทางการกับสโมสรใดสโมสรหนึ่งแล้วผมไม่คิดที่จะทำแบบนั้นอีกแล้วในช่วงชีวิตนี้ของผม”
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษ เตรียมจะฟ้องร้อง อบราโมวิช จากกรณีเงินการขายสโมสรราว 2,500 ล้านปอนด์ หรือ 112,500 บาท ที่อบราโมวิชระบุว่าจะเอาเงินนี้ไปช่วยเหลือเหยื่อในสงครามผ่านมูลนิธิต่างๆ แต่เหมือนการพูดคุยระหว่างทนายความของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย กับตัวแทนรัฐบาลอังกฤษยังไม่ได้ข้อสรุป
ซึ่งจากแถลงการณ์ร่วมของสองรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า รัฐบาลต้องการเห็นการนำเงินจากการขายสโมสรเชลซีมาสนับสนุนปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมในยูเครน สืบเนื่องจากการรุกรานอย่างผิดกฎหมายของรัสเซีย เรารู้สึกผิดหวังที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันกั บอบราโมวิชได้ แม้ว่าประตูยังคงเปิดสำหรับการเจรจา รัฐบาลก็พร้อมที่จะนำเรื่องเข้าสู่ศาลเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ได้รับผลกระทบในยูเครนจะได้ประโยชน์จากเงินก้อนนี้โดยเร็วที่สุด