เยอร์เกน คล็อปป์ และ อังเก ปอสเตโคกลู สองกุนซือจากทีมพรีเมียร์ลีก แสดงความคิดเห็นหลังมีรายงานว่าจะมีการทดลองใช้งาน ใบน้ำเงิน ในการลงโทษนักเตะเพิ่ม
ก่อนหน้าที่สื่อดังอย่างเทเลกราฟ ออกมารายงานข่าวว่าคณะกรรมการสมาคมฟุตบอลนานาชาติ หรือ IFAB เตรียมประชุมเพื่อนำกฏ นำใบน้ำเงินมาใช้งานร่วมกับใบเหลือง และใบแดง ในการลงโทษ โดยเป็นส่วนหนึ่ง ซิน-บินส์ ซึ่งมีการใช้กันกีฬารักบี้
สำหรับใบน้ำเงิน จะให้แก่ผู้เล่นที่พวกเขาทำฟาวล์คู่แข่งด้วยการตัดเกมรุกในจังหวะที่มีสิทธิ์เป็นประตู แต่ไม่ได้เข้าปะทะอย่างรุนแรงจนถึงขนาดเป็นใบแดง หรือแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อผู้ตัดสิน และนักเตะจะต้องออกจากสนามเป็นเวลา 10 นาที
ด้าน เยอร์เกน คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมนี ของทีมลิเวอร์พูล ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเตรียมใช้ใบน้ำเงิน โดยเชื่อว่าจะทำให้ผู้ตัดสินก่อความผิดพลาดได้มากกว่าเดิม
“ผมคิดว่าในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนาม เราควรทำให้มันง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ สำหรับผู้ตัดสินด้วย มันคืองานที่ยาก”
“บ่อยครั้งมันเกิดเรื่องสะเทือนอารมณ์ขึ้น เพราะมันเป็นหลังจบเกม และการจะใช้ใบน้ำเงินจะเพิ่มโอกาสเกิดความผิดพลาดขึ้นอีก เพราะเราต้องมาเถียงกันว่า มันควรเป็นใบน้ำเงิน มันควรเป็นใบเหลือง ต้องออกไปนอกสนาม 10 นาที จากเดิมที่เถียงกันแค่เป็นใบแดง หรือ ใบเหลือง”
“สิ่งนี้ทำให้มันซับซ้อนขึ้น ถ้าพวกเขาอยากทดสอบ ผมไม่มีปัญหาถ้ามันเป็นก้าวแรกเพื่อที่จะรู้ว่าจะตกลงกับกฏนี้หรือไม่ หรือพวกเขามั่นใจกันอยู่แล้วว่าจะใช้กฏนี้ ผมไม่รู้”
ขณะที่ อังเก ปอสเตโคกลู กุนซือทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ก็แสดงความไม่เห็นด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า จะเป็นการทำลายเกมฟุตบอล “การมีใบน้ำเงินเพิ่มขึ้นมา มันจะช่วยอะไร ถ้าทีมหนึ่งต้องเหลือ 10 คนอยู่ 10 นาที คุณว่ามันจะส่งผลอะไรกับเกมฟุตบอลบ้าง ผมว่ามันจะทำลายเกมฟุตบอลไปเลย”
“คุณจะได้เห็นทีมที่เหลือ 10 คน พยายามถ่วงเวลาไป 10 นาที เพื่อให้นักเตะที่โดนกักตัวกลับมาลงสนามได้ ในขณะที่เรากำลังพยายามให้ทุกเกมมันเล่นกันเร็วขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับมีการพยายามทำให้เกิดเรื่องในทางตรงข้าม”
อย่างไรก็ตามล่าสุด สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่ายังไม่มีการนำมาใช้ และอยู่ในช่วงของพูดคุยในที่ประชุมเท่านั้น
“ฟีฟ่าขอชี้แจงว่ารายงานของสิ่งที่เรียกว่า ใบน้ำเงิน ยังไม่ถูกนำมาใช้งานในฟุตบอลระดับชั้นนำและจะไม่เกิดขึ้นก่อนเวลาอันสมควร หากมีการทดลองใช้จริงควรเริ่มต้นในฟุตบอลีกล่างก่อน นี่เป็นจุดยืนที่ฟีฟ่าย้ำเตือนเสมอ หากมีการพูดคุยเกี่ยวกับวาระนี้ในการประชุม IFAB ในวันที่ 1 มีนาคมนี้”
