อันโตนิโอ คอนเต้ ถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลอิตาลี และล่าสุดได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการพา นาโปลี คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2024/25 ซึ่งนับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 4 ของสโมสร และเป็นครั้งแรกในรอบสองปีหลังจากที่เคยคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2022/23
คอนเต้ เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ที่เมืองเลชเช ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี เขาเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับสโมสรเลชเช ก่อนจะย้ายมาอยู่กับยูเวนตุสในปี 1991 และกลายเป็นตำนานของสโมสรจากการลงสนามกว่า 400 นัด พร้อมคว้าแชมป์เซเรีย อา 5 สมัย, ยูฟ่า คัพ และแชมเปียนส์ลีก ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2004 แล้วเข้าสู่เส้นทางสายโค้ชในทันที โดยเริ่มต้นกับทีมเล็ก ๆ อย่างอาเรซโซ่, บารี่ และอตาลันต้า
จุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพโค้ชของเขาเกิดขึ้นในปี 2011 เมื่อเขากลับมาคุมยูเวนตุสและเปลี่ยนทีมให้กลายเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง โดยคว้าแชมป์เซเรีย อา 3 สมัยติดต่อกัน จากนั้นเขารับงานคุมทีมชาติอิตาลีในยูโร 2016 ซึ่งแม้จะไปได้เพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ผลงานก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง ก่อนที่เขาตัดสินใจไปหาความท้าทายนอกประเทศด้วยการคุมเชลซีในปี 2016 และพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่ฤดูกาลแรก ก่อนจะกลับมาคุมอินเตอร์ มิลานในปี 2019 และสิ้นสุดการรอคอย 11 ปีของสโมสรด้วยการพาทีมคว้าแชมป์เซเรีย อา ฤดูกาล 2020/21
หลังจากพาอินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา ในฤดูกาล 2020/21 ซึ่งเป็นการหยุดยุคแห่งความยิ่งใหญ่ของยูเวนตุสที่ยาวนานถึง 9 ปี คอนเต้ก็สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนบอลเมื่อเขาตัดสินใจอำลาทีมเพียงไม่กี่วันหลังจบฤดูกาล โดยสาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งกับฝ่ายบริหารเรื่องนโยบายการลดงบประมาณและการขายนักเตะคนสำคัญอย่าง อาชราฟ ฮาคิมี และ โรเมลู ลูกากู ที่เขามองว่าเป็นการลดความสามารถในการแข่งขันของทีม
ช่วงนั้น คอนเต้กลายเป็นกุนซือเนื้อหอม และตกเป็นข่าวกับหลายสโมสรในยุโรป ก่อนที่ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2021 เขาจะตอบรับข้อเสนอจาก ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ทีมดังจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แทนที่นูโน่ เอสปิริโต ซานโต ที่ถูกปลดกลางฤดูกาล โดยเซ็นสัญญาคุมทีมจนถึงปี 2023 พร้อมออปชั่นขยายเพิ่ม
การมาของคอนเต้เปลี่ยนแปลงสเปอร์สอย่างรวดเร็ว เขาใช้ระบบ 3-4-3 ที่ถนัด และช่วยยกระดับผลงานของนักเตะอย่างแฮร์รี เคน, ซน ฮึง-มิน และ เดยัน คูลูเซฟสกี้ จนพาทีมจบอันดับ 4 ในฤดูกาล 2021/22 ได้สิทธิ์กลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นความสำเร็จสำคัญของทีมในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลถัดมา (2022/23) กลายเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทั้งจากปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลัก ฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอ และบรรยากาศในทีมที่เริ่มตึงเครียด คอนเต้แสดงความไม่พอใจต่อฝ่ายบริหารและนักเตะต่อสาธารณะอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในการแถลงข่าวที่เขาออกมาตำหนิ “ทัศนคติของผู้เล่น” อย่างรุนแรงหลังเสมอกับเซาแธมป์ตัน จนกลายเป็นจุดแตกหัก สเปอร์สจึงตัดสินใจแยกทางกับเขาในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 ก่อนหมดสัญญา
หลังจากนั้น คอนเต้กลับไปใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวและไม่รับงานคุมทีมทันที เขายังถูกจับตามองว่าอาจกลับมาทำงานในอิตาลีอีกครั้ง จนกระทั่งในช่วงซัมเมอร์ปี 2024 เขาตัดสินใจรับตำแหน่งผู้จัดการทีมนาโปลี ซึ่งกำลังต้องการคนมาปลุกชีพทีมหลังจากจบอันดับที่ 10 ของตารางในฤดูกาลก่อนหน้า
คอนเต้เข้ามาเปลี่ยนโฉมนาโปลีอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่แท็กติกและวินัย โดยยึดระบบที่เขาถนัดอย่าง 3-5-2 หรือ 3-4-2-1 ซึ่งให้อิสระแก่เกมริมเส้นและมิดฟิลด์ตัวกลาง เขาได้ตัวผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทัพหลายคน ไม่ว่าจะเป็นสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่เข้ามาเติมความดุดันในแดนกลาง, บิลลี่ กิลมอร์ ที่มีวิสัยทัศน์เกมที่ยอดเยี่ยม และ โรเมลู ลูกากู ที่กลับมาร่วมงานกับคอนเต้อีกครั้ง
ผลงานของนาโปลีภายใต้การคุมทีมของคอนเต้ดีขึ้นอย่างชัดเจน พวกเขาทำแต้มได้อย่างสม่ำเสมอและมีเกมรับที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่ทีมชนะติดต่อกันหลายนัด ทำให้คะแนนขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายมาเฉือนเอาชนะอินเตอร์ มิลานได้ในการลุ้นแชมป์แบบสุดระทึกจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งนาโปลีเอาชนะกายารีไป 2-0 จากประตูของแม็คโทมิเนย์และลูกากู ส่งผลให้พวกเขาคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา ฤดูกาล 2024/25 ไปครองได้สำเร็จ นับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่ 4 ของสโมสร และเป็นครั้งแรกในรอบสองปี
นอกจากนี้ คอนเต้กลายเป็นกุนซือคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา ได้กับสามสโมสร ได้แก่ ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และนาโปลี ซึ่งเป็นสถิติที่น่าทึ่งและตอกย้ำถึงความสามารถในการปลุกปั้นทีมให้กลายเป็นแชมป์ได้ไม่ว่าจะอยู่กับสโมสรใดก็ตาม ด้วยสไตล์การคุมทีมที่จริงจัง เคร่งวินัย และเต็มไปด้วยพลังผลักดัน เขาคือหนึ่งในโค้ชระดับตำนานของวงการลูกหนังอิตาลีอย่างแท้จริง