อิกา สเวียเต็ก นักเทนนิสหญิงมือ 1 โลกจากโปแลนด์ ชี้การแบนผู้เล่นจากรัสเซีย และเบลารุส ออกจากการแข่งขันในแกรนด์สแลมวิมเบิลดันเมื่อปีที่แล้วนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับตัวนักกีฬา
โดยนักเทนนิสจากรัสเซีย และเบลารุส ถูกแบนจากการแข่งขันแกรนด์สแลมที่ 3 ของปีที่แล้วอย่าง วิลเบิลดัน ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีส่วนในการก่อสงครา และเข้ารุกรานยูเครน จนเกิดเป็นสงครามมาจนถึงปัจจุบัน
ขณะที่ในการแข่งขันระดับนานาชาติอย่าง โอลิมปิก ก็ไม่อนุญาตให้นักกีฬาทั้ง 2 ประเทศลงแข่งขันในฐานะประเทศตัวเอง รวมถึงห้ามใช้ธงชาติ ส่วนการแข่งขันเทนนิสประเภททีมชายชิงแชมป์โลกอย่าง เดวิส คัพ ก็ห้ามนักกีฬาจากทั้ง 2 ประเทศลงชิงชัย
อย่างไรก็ตามหลังจากโดนเสียงวิจารณ์มากมายจากการห้ามนักกีฬาจากรัสเซีย และเบลารุส ลงแข่งขันทำให้สุดท้ายแล้ว ฝ่ายจัดการแข่งขัน วิมเบิลดัน 2023 อนุญาตให้ผู้เล่นจาก 2 ชาติลงสู้ศึกในปีนี้อย่างเป็นทางการแล้ว แต่ภายใต้เงื่อนไขด้วยธงเป็นกลาง และห้ามแสดงออกเรื่องการเมืองเกี่ยวกับทั้ง 2 ประเทศด้วย
ล่าสุด สเวียเต็ก ให้สัมภาษณ์กับ “บีบีซี” สื่อดังของอังกฤษว่า การที่แร็กเกตจากรัสเซีย และเบลารุส โดนแบนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับนักกีฬา “ฉันได้ยินมาว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นักเตะเยอรมันไม่ได้รับอนุญาต เช่นเดียวกับญี่ปุ่น และอิตาลี และฉันรู้สึกว่าสิ่งนี้จะแสดงให้รัฐบาลรัสเซียเห็นว่าบางทีมันก็ไม่คุ้ม”
“รู้ว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะเราเป็นแค่นักกีฬา เป็นส่วนเล็กๆ ของโลก แต่ฉันรู้สึกว่ากีฬาค่อนข้างสำคัญ และกีฬามักถูกใช้ในการโฆษณาชวนเชื่ออยู่เสมอ นี่เป็นสิ่งที่ถูกพิจารณาในตอนแรก เทนนิสไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้มันค่อนข้างไม่ยุติธรรมสำหรับผู้เล่นชาวรัสเซีย และเบลารุสที่จะทำเช่นนั้น เพราะการตัดสินใจนี้ควรจะทำเมื่อปีที่แล้ว”
นอกจากนั้นแล้วผู้เล่นวัย 21 ปีวิจารณ์ 2 องค์กรเทนนิสอย่าง สมาคมนักเทนนิสอาชีพชาย(เอทีพี) และสมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง(ดับเบิลยูทีเอ) ว่า ขาดความเป็นผู้นำ และทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายตามมา “ฉันรู้สึกว่าเทนนิสสามารถทำได้ดีกว่านี้เล็กน้อยในการแสดงให้ทุกคนเห็นว่านักเทนนิสต่อต้านสงคราม ฉันรู้สึกว่าพวกเขา (เอทีพี และดับเบิลยูทีเอ) สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้เพื่อพูดประเด็นนั้นและบอกเล่ามุมมองของพวกเขา และช่วยให้เรารับมือได้ดีขึ้นเล็กน้อยในห้องล็อกเกอร์เพราะบรรยากาศที่นั่นค่อนข้างตึงเครียด”