อุสมาน เด็มเบเล ถือเป็นอีกหนึ่งแข้งพรสวรรค์ของโลกฟุตบอล แม้บางช่วงเวลาอาจมีเรื่องราวนอกสนาม และอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวนไปบ้าง แต่ในฤดูกาล 2024/25 เขาฉายแววเต็มที่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อย่างเต็มที่ แม้จะไร้สตาร์ดังอย่าง คิลิยัน เอ็มบับเป แต่เขาก็ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส ผ่านเข้าชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก พร้อมกับเป็นตัวเต็งขึ้นไปลุ้นรางวัลบัลลงดอร์ ของปี 2025 อีกด้วย
อุสมาน เด็มเบเล่ เกิดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 ที่เมืองแวร์นง ประเทศฝรั่งเศส เขามีเชื้อสายเซเนกัลและมอริเตเนีย เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และเข้าร่วมอะคาเดมี่ของแรนส์ ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรในปี 2015 ช่วงเวลานั้นเองที่ชื่อของเด็มเบเล่เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการลูกหนังฝรั่งเศส ด้วยสไตล์การเล่นที่รวดเร็ว การเลี้ยงบอลคล่องแคล่ว และสามารถยิงประตูได้จากทั้งสองเท้า โดยในฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่ เขาทำไปถึง 12 ประตูจาก 26 นัดในลีกเอิง กลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดของยุโรปในเวลานั้น
เพียงปีเดียวหลังจากแจ้งเกิด เด็มเบเล่ย้ายไปสู่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในบุนเดสลีกา เยอรมนี และพัฒนาฝีเท้าได้อย่างก้าวกระโดด เขากลายเป็นแกนหลักในแผงเกมรุกของทีมทันที และมีบทบาทสำคัญในการพาดอร์ทมุนด์คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ฤดูกาล 2016/17 ได้สำเร็จ และจากฟอร์มอันโดดเด่นนี้ บาร์เซโลนา ทีมยักษ์ใหญ่แห่งสเปน จึงยอมทุ่มเงินกว่า 100 ล้านยูโรคว้าตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2017 เพื่อทดแทนการจากไปของเนย์มาร์
แม้จะมีช่วงเวลาที่ดีในถิ่นคัมป์ นู และคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย, โกปา เดล เรย์ 2 สมัย แต่เส้นทางในสเปนของเด็มเบเล่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เนื่องจากเขาต้องเผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บซ้ำซาก และฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอ บวกกับมีปัญหาเกเรนอกสนาม อย่างไรก็ตาม เมื่อมีโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง เขาก็มักจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมเสมอ โดยเฉพาะในฤดูกาล 2021/22 ที่เขากลับมาเป็นตัวหลักของทีม และกลายเป็นจอมแอสซิสต์ประจำทีมบาร์ซ่าอีกครั้ง
ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 เด็มเบเล่ตัดสินใจย้ายกลับมายังบ้านเกิดอีกครั้ง ด้วยการเซ็นสัญญาร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ เอ็นริเก้ ซึ่งเคยร่วมงานกันมาแล้วสมัยอยู่บาร์เซโลนา การย้ายทีมครั้งนี้กลายเป็นการปลุกฟอร์มการเล่นของเด็มเบเล่ให้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ก่อนที่เขาเป็นหนึ่งในคีย์แมนของเปแอสเช
ในฤดูกาล 2024/25 ในยุคที่ทีมไม่มีซูเปอร์สตาร์ดังอย่าง คิลียัน เอ็มบัปเป ทำให้ อุสมาน เด็มเบเล ได้ฉายแสงเต็มตัว ทั้งในเกมรุกริมเส้น การสร้างจังหวะ และการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี ก่อนจะช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงในฤดูกาล 2024/25 ได้อย่างเหนือชั้น พร้อมกับพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รวมถึงกลายเป็นตัวเต็งคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ในปีนี้ ด้วยผลงาน 33 ประตู 16 แอสซิสต์ จาก 46 นัดรวมทุกรายการ
เวลานี้ เด็มเบเล ได้กลับมาสู่จุดที่เขาควรจะเป็นพร้อมกับท้าชิงกับเหล่ายอดนักเตะดังของโลก ว่าเขาเองก็มีฝีเท้าที่ไม่แพ้ใคร และสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
