จอห์น ฮิกกินส์ พลิกสถานการณ์จากตามหลัง 8-5 กลับมาเอาชนะ มาร์ก เซลบี้ 10-8 เฟรม ในรอบชิงชนะเลิศที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในแมตช์ประวัติศาสตร์ของรายการ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ พร้อมกล่าวว่านี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเส้นทางอาชีพ 33 ปีของเขา
แม้จะเคยคว้าแชมป์โลกมาแล้วถึง 4 สมัย และเป็นเจ้าของแชมป์รายการจัดอันดับ 33 รายการ แต่ฮิกกินส์ยืนยันว่าการคัมแบ๊กครั้งนี้มีความหมายยิ่งกว่าทุกความสำเร็จที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อเขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หลังพ่าย 7 เฟรมติดต่อกันจนถูกเซลบี้แซงนำ 8-5 ก่อนจะระเบิดฟอร์มไล่กวาดอีก 5 เฟรมรวด ปิดเกมคว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรก พร้อมรับเงินรางวัล 150,000 ปอนด์
แมตช์ระหว่างสองตำนานของวงการสนุกเกอร์ไม่ทำให้แฟน ๆ ที่แมนเชสเตอร์ เซ็นทรัล ต้องผิดหวัง ทั้งคู่กดเซ็นจูรี่เบรกได้คนละ 4 ครั้ง รวมกันเป็น 8 เซ็นจูรี่เบรก ซึ่งเทียบเท่าสถิติสูงสุดในการแข่งขันระบบ 19 เฟรมที่เคยทำไว้โดย นีล โรเบิร์ตสัน และ จัดด์ ทรัมป์ ในศึก Champion of Champions ปี 2019 บรรยากาศในฮอลล์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะช่วงท้ายเกมที่ฮิกกินส์ในวัย 49 ปีแสดงให้เห็นถึงหัวใจของแชมป์ เขาสามารถต้านทานแรงกดดันจากหนึ่งในนักสนุกเกอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเซลบี้ได้อย่างหมดจด
ฮิกกินส์เผยว่าเขาต้องเผชิญกับ “ความสับสนทางจิตใจ” ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่คว้าแชมป์ Players Championship ในปี 2021 โดยเฉพาะช่วงที่มักจะหลุดฟอร์มในแมตช์สำคัญ เช่นรอบชิงชนะเลิศ Tour Championship ปี 2022 ที่เขาพ่ายให้กับโรเบิร์ตสัน 9-10 ทั้งที่นำอยู่ 9-4 แต่การคว้าแชมป์ World Open ที่จีนเมื่อเดือนก่อนเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเรียกความมั่นใจกลับมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากฟอร์มอันร้อนแรงตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ ด้วยการทำเซ็นจูรี่เบรกถึง 11 ครั้งจาก 3 แมตช์ และกลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งสำหรับศึกครูซิเบิล ที่จะมาถึงในเดือนนี้
“นี่คือชัยชนะที่ดีที่สุดในชีวิตผม” ฮิกกินส์กล่าว ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 42 วันก็จะอายุครบ 50 ปี “มาร์กเล่นได้สุดยอดมาก เหมือนไม่มีทางพลาดเลย และเล่นเกมวางสนุกเกอร์ผมจนมึนไปหมด การที่ผมพลิกกลับมาได้แบบนั้นทำให้ผมเชื่อว่าตัวเองยังสามารถสู้กับยอดนักสนุกเกอร์ระดับแนวหน้าได้อยู่”
ด้วยแชมป์ครั้งนี้ ฮิกกินส์ขยับเข้าใกล้สถิติแชมป์รายการจัดอันดับของสตีเฟ่น เฮนดรี้ที่ทำไว้ 36 รายการ เหลือเพียง 3 รายการ และแม้จะยังห่างจากเจ้าของสถิติตลอดกาลอย่าง รอนนี โอซุลลิแวน ที่ทำไว้ 41 รายการ แต่เขาก็ได้ทำสถิติใหม่ของตนเองในฐานะผู้เล่นที่มีช่องว่างระหว่างแชมป์แรกกับแชมป์ล่าสุดยาวนานที่สุดถึง 30 ปี 165 วัน นับตั้งแต่คว้าแชมป์รายการแรกในปี 1994 ที่รายการ Grand Prix และล่าสุด อันดับโลกของฮิกกินส์ขยับขึ้นจากอันดับ 6 ขึ้นมาอยู่ที่ 3 ตามหลังแค่จัดด์ ทรัมป์ และไคเรน วิลสัน
ทางด้านเซลบี พลาดคว้าแชมป์รายการที่ 4 ของฤดูกาล และแชมป์รายการจัดอันดับที่ 25 ในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย เขาเองก็โชว์ฟอร์มร้อนแรงตลอดสัปดาห์เช่นกัน ด้วยผลงานกวาด นีล โรเบิร์ตสัน 10-1 เฟรม และ ติง จุ้นฮุย 10-2 เฟรม แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ได้สำเร็จ โดยรับเงินรางวัลปลอบใจ 60,000 ปอนด์ในฐานะรองแชมป์
“เขาเก็บเฟรมได้หมดตั้งแต่ 8-5” เซลบีกล่าวหลังจบเกม “ผมพลาดลูกชมพูกลางหลุมที่ 8-7 ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ แต่โดยรวมผมไม่ได้พลาดมากนัก ทุกครั้งที่ผมพลาด เขาลงโทษผมหมด เขาคือยอดนักสู้ตัวจริง”
ส่วนฮิกกินส์ปิดท้ายด้วยความภูมิใจว่า “มันพิเศษที่ครอบครัวของผมได้มาเห็น เพราะก่อนหน้านี้ลูกผมยังเด็กเกินไปที่จะจดจำโมเมนต์แบบนี้ได้ เสียงเชียร์จากแฟน ๆ ทำให้บรรยากาศเยี่ยมมาก ผมหวังว่าทัวร์นาเมนต์นี้จะจัดที่นี่ไปอีกหลายปี”
