ประวัตินักกีฬา

เซอร์จิโอ อเกโร ฮีโร่ของแมนฯซิตี้ แข้งผู้จำใจเลิกเล่นฟุตบอลเพราะโรคหัวใจ

เซอร์จิโอ อเกโร

เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่น่าเสียดายต้องแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควร ด้วยวัย 33 ปี สำหรับ เซอร์จิโอ อาเกโร ศูนย์หน้าระดับตำนานอีกคนของทีมชาตอาร์เจนตินา หลังจากจำใจต้องแขวนสตั๊ด เนื่องจากตรวจพบภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ 

เซอร์จิโอ ลีโอเนล อเกโร เดล คาสติลโญ เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 1988 ที่บูเอนอส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เขาได้รับแรบันดาลใจมาจากคุณพ่อที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก่อนเริ่มต้นความฝันในวัย 9 ขวบ ในฐานะนักเตะเยาวชนของทีมอินดิเพนเดนเต้

 อเกโร ใช้เวลาบ่มเพาะฝีเท้าอยู่กับทีมเยาวชนหลายปี จนกระทั่งในวันที่ 5 กรกฎาคม ปี 2003 เขาก็ได้สัมผัสเกมในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในฐานะตัวสำรองในเกมที่พบกับทีมคลับ แอตเลติโก ซาน ลอเรนโซ่ เด อัลมาโกร

 อเกโร่ ลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่่ 69 แทนที่ เอ็มมานูเอล ริวาส ทันทีที่เขาก้าวข้ามเส้นสนามเข้าไปสถิติใหม่ได้บังเกิดทันที เขาได้กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดด้วยวัย 15 ปี 35 วันที่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุด ทำลายสถิติของดิเอโก มาราโดนา ที่ครองมานานกว่า 27 ปีลงไปได้

แต่หลังจากนั้นเขายังไม่ได้รับโอกาสลงเล่นทีมชุดใหญ่มากนัก แต่ก็ยังโชคดีที่ได้สัมผัสฟุตบอลชิงแชมป์ระดับสโมสร “โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส” ในเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ทีมอินดิเพนเดนเต้ เอาชนะทีมเปรูเซียนเซียโน่ไปได้ 4-2 ทำให้ อเกโร ทำลายสถิติอีกครั้งด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ซึ่งสถิติที่ 2 นี้เกิดขึ้นหลังจากสถิติแรกเพียง 7 เดือนเท่านั้น ตามมาด้วยปี 2005 เขาถูกเรียกไปติดทีมชาติชุดยู-20 เพื่อเข้าแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และก็เป็นอาร์เจนตินาที่คว้าแชมป์ได้ โดยนักเตะในชุดนั้นนอกจาก อเกโร แล้วยังมี ลิโอเนล เมสซี, ปาโบล ซาบาเลต้า และ เอเซเคียล การาย ด้วย

 อเกโร ใช้เวลาอยู่กับทีมชุดใหญ่ของอินดิเพนเดนเต้อยู่ 4 ฤดูกาล เขาค่อย ๆ ได้รับโอกาสทีละเล็กทีละน้อยก่อนจะยึดตัวจริงได้ถาวรในฤดูกาล 2005-2006 พร้อมกับระเบิดฟอร์มซัดไป 18 ประตูจากการลงเล่น 35 นัด ทำให้ไปเตะตาบรรดาแมวมองทีมชั้นนำจากยุโรปมากมาย และโชคชะตากำลังจะพาเขาไปสู่จุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ในอาชีพนักฟุตบอล

แม้ว่าจะตกเป็นข่าวกับมากมายหลายทีม แต่สุดท้ายเป็นแอตเลติโก มาดริด ได้ลายเซ็นของเจ้าตัวไปครองพร้อมกับจ่ายค่าตัวประมาณ 20 ล้านยูโร ทำลายสถิตินักเตะค่าตัวสูงที่สุดในสโมสร ณ เวลานั้น 

เซอร์จิโอ อเกโร

แต่สำหรับทีมตราหมี อเกโร เริ่มต้นได้ไม่สวยเท่าไหร่เพราะไปสร้างวีรกรรมใช้มือทำประตูในเกมที่เอาชนะรีครีเอติโว่ ฮูเอลวา เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ปี 2006 จนส่งผลให้เขาได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบมากมาย รวมไปถึงในฤดูกาลนั้นกองหน้าตัวหลักยังคงเป็น เฟอร์นันโด ตอร์เรส ทำให้โอกาสที่จะโชว์ฝีเท้าอย่างแท้จริงยังคงถูกจำกัดอยู่

ในฤดูกาลถัดมาทุกอย่างก็ลงล็อกเมื่อ ตอร์เรส ตัดสินใจย้ายออกไปลิเวอร์พูล หวยจึงมาออกที่ Agüero และเขาก็ใช้โอกาสได้อย่างคุ้มค่าตอบแทนความไว้วางใจของทีม ตลอดระยะเวลา 5 ฤดูกาลเขาพาทีมคว้าไปทั้งหมด 2 รายการ ได้แก่ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาล 2009-2010 และยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ในปี 2010 ลงเล่นไปทั้งสิ้น 234 นัด ยิงไป 101 ประตู เขาได้กลายร่างจากผู้ร้ายเป็นขวัญใจของทีมแอตเลติโก มาดริดไปเป็นที่เรียบร้อย

ด้วยความคงเส้นคงวาทำให้ชื่อของ อเกโร ตกเป็นข่าวการย้ายทีมอีกครั้ง เขาตัดสินใจเก็บกระเป๋าย้ายจากลาลีกามาสู่พรีเมียร์ลีกกับทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์พร้อมด้วยสัญญา 5 ปี การเข้ามาสู่ถิ่นเอติฮัด สเตเดียม มันมาพร้อมกับความคาดหวังจากแฟนบอลที่ต้องการเห็นทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดให้ได้ 

 ในฤดูกาล 2011/12 สถานการณ์แย่งแชมป์ของ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์คู่คี่และสูสีเป็นอย่างมาก คะแนนเบียดกันมาตลอด กระทั่งเดินทางมาในเกมสุดท้ายที่ต้องพบกับควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ ในตอนนั้นซิตี้และยูไนเต็ดมีคะแนนเท่ากัน แต่ฝั่งสีฟ้ามีลูกได้เสียที่ดีกว่า เพราะฉะนั้นนัดนี้หากแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะได้แชมป์ต้องชนะสถานเดียว ส่งผลให้ความตึงเครียดเกิดขึ้นโดยทันที 

ตลอดระยะเวลา 90 นาทีจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สกอร์เสมอกันอยู่ที่ 2-2 และเกมของทีมฝั่งปีศาจแดงจบไปก่อน ซึ่งทีมปีศาจแดงเอาชนะซันเดอร์แลนด์ไปได้ 1-0 เกมทำท่าจะจบลงด้วยความผิดหวังของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น ในนาทีที่ 93 เมื่อ อเกโร เป็นคนสร้างมันขึ้นมา หลังซัดประตูชัยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษที่รอคอยมานานกว่า 44 ปี

 อเกโร่ ใช้เวลาอยู่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม ถึง 10 ฤดูกาลเต็ม ๆ คว้าถ้วยรางวัลมาประดับสโมสรมากมาย โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีกที่ได้แชมป์รวมกันถึง 5 สมัย, ลีกคัพ 6 สมัย, เอฟ.เอ.คัฟ และคอมมิวนิตี้ชีลด์อีกอย่างละ 1 สมัย แต่น่าเสียดายที่พลาดการคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกไป หลังจากที่แพ้เชลซีในรอบชิงชนะเลิศไป 0-1 เมื่อฤดูกาล 2020-2021

 อเกโร ลงเล่นให้กับเรือใบสีฟ้าไปทั้งหมด 390 นัด ยิงไปทั้งหมด 260 ประตู หลังจากที่อิ่มตัวกับความสำเร็จในประเทศอังกฤษ ยังมีอีกหนึ่งความฝันคือการเล่นร่วมกับเพื่อนซี้อย่าง ลิโอเนล เมสซี ทำให้เขาตัดสินใจเลือกย้ายกลับไปที่ประเทศสเปนอีกครั้งเพื่อร่วมเล่นกับทีมบาร์เซโลน่า แต่ฝันของเขาต้องสลายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อสโมสรใหม่ของเขาประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนทำให้ เมสซี่ ต้องย้ายออกไปยังสโมสรเปแอสเช นอกจากนี้ อเกโร ยังต้องผมกับอาการบาดเจ็บ กว่าจะได้ลงเล่นก็เข้าสู่เดือนตุลาคมแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เขายังมีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะจนสุดท้ายต้องตัดสินใจรีไทร์พร้อมทั้งน้ำตา โดยมีโอกาสลงเล่นเพียง 5 นัดเท่านั้น เป็นการปิดฉากในวงการฟุตบอลไปอย่างน่าเสียดายด้วยวัยเพียง 33 ปีเท่านั้น

สิ่งที่ อเกโร ได้ฝากไว้ให้กับวงการฟุตบอลถือว่ายิ่งใหญ่มาก เขาคือกองหน้าสุดแสนอันตราย ที่แฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จดจำไม่ลืม

Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Most Popular

To Top