ประวัตินักกีฬา

เดนเซล ดุมฟรีส์ แข้งที่ใช้ความมุมานะไต่สู่ แบ๊กขวาที่ดีที่สุดของ เนเธอร์แลนด์

เดนเซล ดุมฟรีส์

โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจแบบสุดๆสำหรับ เดนเซล ดุมฟรีส์ แบ๊กขวาจอมแกร่ง วัย 26 ปี ของ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ที่มีส่วนร่วมทั้ง 3 ประตูคือ แอสซิสต์ 2 ลูก และยิงปิดกล่องอีก 1 ลูกช่วยให้ทีม ชนะ สหรัฐอเมริกา 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกได้สำเร็จ

 เดนเซล ยุสตุส มอร์ริส ดุมฟรีส์ เกิดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 1996 ที่เมืองรอตเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ เขาเป็นลูกคนที่ 2 ของบ้านจากพี่น้องทั้งหมด 4 คน  โดย ดุมฟรีส์ ถูกระบุว่าเขาเป็นโรคสมาธิสั้น ตั้งแต่ยังเด็ก

 พ่อกับแม่ของ ดุมฟรีส์ เล่าให้ฟังว่าเขาไม่เคยที่จะหยุดนิ่ง และชอบออกจากบ้านเป็นที่สุด ทุกครั้งไม่ว่าจะออกไปข้างนอก หรือไปโรงเรียนกลับมาเขามักจะเลี้ยงลูกฟุตบอลอยู่ที่เท้าเสมอ

 ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่ของดุมฟรีส์ งานยุ่ง ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกๆสักเท่าไหร่นัก ทำให้ ดุมฟรีส์ มีเพียงพี่น้อง และฟุตบอลที่เป็นเพื่อนเล่น เขาทุ่มเทให้กับมัน แต่โชคร้ายที่ฝีเท้าไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่นัก หลายครั้งหลายคราเขามักจะสอบตกกับการเข้าไปทดสอบกับอะคาเดมีฟุตบอลชั้นนำต่างๆ

เดนเซล ดุมฟรีส์

แต่ ด้วยความคิดว่าต้องเก่งขึ้นให้ได้ทำให้เขาสามารถโฟกัสกับฟุตบอลได้อย่างเต็มที่ ไม่นานเขาก็พัฒนาตัวเองจนสามารถเข้าสู่ทีมอะคาเดมีของ สปาร์ตัน 20 ทีมฟุตบอลท้องถิ่นแถวบ้านเขาสำเร็จ ก่อนที่จะอายุได้ 6 ขวบ จะย้ายไปอยู่กับ สมิตโชก

 ที่ วีวี สมิตโชก อุดมไปด้วยเยาวชนที่ฝีเท้าจัดจ้าน ในบรรดานักฟุตบอลทั้งหมด ดุมฟรีส์ ถูกระบุว่ามีฝีเท้าแย่ที่สุด และไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเขาจะไปได้ไกลถึงระดับทีมชาติ 

 อย่างไรก็ตาม ริก เธป โค้ชในตอนนั้นได้เล็งเห็นอะไรบางอย่างในตัวของ ดุมฟรีส์ แม้จะยังด้อยเรื่องทักษะฟุตบอล แต่ ดุมฟรีส์ มีความคิดที่ยิ่งใหญ่ และความมุ่งมั่นอันแรงกล้ากว่าทุกคน เขาช่วยฝึกฝน ดุมฟรีส์ อย่างหนัก และ ดุมฟรีส์ ก็ตอบสนองความหวังดีของโค้ชได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะมีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง หรือลมหนาว เขามักจะปั่นไปฝึกซ้อมกับทีม เป็นคนแรก และหลังจากผ่านไป 11 ปี บีบีวี บาเรนเดรชต์ ก็ดึงตัวเขาไปร่วมทีม

 จริงๆแม้จะมาอยู๋กับ บาเรนเดรชต์ แต่ก็ยังไม่ค่อยมีใครคาดคิดว่า ดุมฟรีส์ จะก้าวขึ้นมาติดทีมชาติ แต่เขาก็ค่อยๆทำให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดที่ละนิด โดย ฟาน ดรูเนน โค้ชในขณะนั้นของเขาเล่าว่า “ในขณะที่เรากินมันฝรั่งทอด เขาจะมองหาอะไรที่ดีต่อสุขภาพ และในขณะที่ทุกคนกำลังปาร์ตี้ เขาจะอยู่ด้านหลังเสมอ เด็กคนนั้นมีแรงผลักดันเช่นนี้ เขาช่างเหลือเชื่อ”

 ว่ากันว่าเด็กจาก รอตเตอร์ดัม ที่มีพรสวรรค์ส่วนใหญ่สุดท้ายแล้วจะถูกดูดเข้าไปอยู่กับ เฟเยนูร์ด ส่วนเด็กคนอื่นๆที่หลงเหลือจะลงเอบกับ สปาร์ตา รอตเตอร์ดัม ซึ่งแน่นอนในปี 2014 ดุมฟรีส์ ก็ได้ย้ายมาอยู่กับ สปาร์ตา รอตเตอร์ดัม

 หลายคนอาจจะผิดหวัง แต่นี่ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกของ ดุมฟรีส์ และครอบครัวในการได้รับสัญญาอาชีพ ซึ่งในเวลาต่อมา ดุมฟรีส์ ก็มีส่วนสำคัญช่วยทำให้ทีมคว้าแชมป์ลีกรองของเนเธอร์แลนด์ ฤดูกาล 2015/16 พร้อมกับได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในฤดูกาลนั้นอีกด้วย 

 ในฤดูกาล 2017/18 เอสซี ฮีเรนวีน ดึงตัวเขาไปร่วมทีม และหลังจากโชว์ฟอร์มได้เพียงฤดูกาลเดียวเขาก็ถูก พีเอสวี ดึงตัวไปร่วมทีมในฤดูกาล 2018 ก่อนจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยม เป็นแบ๊กขวาที่ทำประตูได้ต่อเนื่อง  โดยตลอด 3 ฤดูกาล เขายิงไปทั้งหมด 16 ประตู จากการลงเล่น 124 นัด 

 ผลงานของ ดุมฟรีส์ ยอดเยี่ยมจนถูกเรียกติดทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ อันเป็นความฝันของเขาตั้งแต่ปี 2018 และโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นก่อนที่หลังจบ ยูโร 2020 เขาจะถูก อินเตอร์ มิลาน ดึงตัวไปร่วมทีม และกลายเป็นตัวหลักของทีม คว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย 2021/22, ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย 2021

 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีลูกขยัน และความมานะ ทำให้ ดุมฟรีส์ ยังคงเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมอยู่เสมอ เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนกล้าพูดได้เต็มปากว่า ณ เวลานี้ เขาคือแบ๊กขวา ที่ดีที่สุดของ เนเธอร์แลนด์ อย่างแท้จริง

Most Popular

To Top