เบลินดา เบนซิช อดีตผู้เล่นมือ 4 โลกจากสวิตเซอร์แลนด์ระบุมีความสุขหลังคัมแบ๊กวงการเทนนิสที่ตัวเองหยุดไปชั่วคราวเพื่อไปทำหน้าที่คุณแม่ และสามารถประสบความสำเร็จได้
โดย เบนซิช เคยขึ้นไปครองตำแหน่งมือ 4 ของโลกเมื่อเดือน 2020 พร้อมคว้าแชมป์มาครองตลอดอาชีพ 9 รายการ และซิวเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ในประเภทหญิงเดี่ยวเมื่อปี 2021 ด้วย
อย่างไรก็ตาม เบนซิช ประกาศตั้งครรภ์เมื่อเดือน พ.ย. 2023 ตอนนั้นเธออายุ 26 ปี และกำลังอยู่ในช่วงที่เล่นเทนนิสได้ดีที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพของเธอ นั่นเป็นเหตุผลที่หลายคนมองว่าการตัดสินใจครั้งนี้เสี่ยง แต่ผู้เล่นชาวสวิสคนนี้ไม่สนใจเรื่องนั้น เพราะเธอต้องการเริ่มต้นครอบครัวของตัวเอง และหยุดการเล่นอาชีพไปชั่วคราว
ตอนนี้เธอเป็นแม่ของ เบลลา ลูกสาวของเธอแล้ว และเธอยังเป็นแชมป์ดับเบิลยูทีเอ 500 ในฐานะแม่ด้วย หลังเธอคัมแบ๊กวงการอีกครั้ง และคว้าแชมป์รายการ อาบู ดาบี โอเพ่น ซึ่งพิสูจน์อีกครั้งว่าการออกจากวงการเพื่อเป็นแม่ และการกลับมาอีกครั้งนั้นเป็นไปได้
ผู้เล่นชาวสวิสวัย 27 ปีไม่ใช่คนเดียวที่พิสูจน์เรื่องนี้ เพราะบรรดาแร็กเกตดังอย่าง เซเรนา วิลเลียมส์, เอลินา สวิโตลิน่า, ทัตจานา มาเรีย และนาโอมิ โอซากะ ต่างก็ทำได้สำเร็จ
ตอนนี้การกลับมาคืนวงการของเธอเริ่มต้นขึ้นอย่างเต็มที่ และ เบนซิช กลับมาอยู่ในอันดับ 60 อันดับแรกของการจัดอันดับของดับเบิลยูทีเอ
ล่าสุด เบนซิช ให้สัมภาษณ์กับ แคโรไลน์ การ์เซีย ในพอดแคสต์ โดยยอมรับว่าหลายคนสงสัยเธอเมื่อเธอตัดสินใจเป็นแม่ตอนอายุ 26
“ตอนที่ฉันเริ่มกลับมาเล่นเทนนิสอีกครั้ง คนส่วนใหญ่ก็บอกว่า โอ้ แน่นอน เป็นไปไม่ได้ คุณรู้ไหม? ดังนั้น ฉันจึงรู้สึกเสมอว่าผู้คนเปลี่ยนใจเร็วมาก และฉันก็สนุกที่จะบอกว่า โอเค ตอนนี้คุณเชื่อในตัวฉันแล้วเหรอ?”
“มันคลาสสิกมาก มีคนจำนวนมากบอกฉันว่า ทำไมเธอถึงตัดสินใจแบบนี้ตอนนี้ในช่วงกลางอาชีพของเธอ เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาอยู่ในระดับเดิม แต่ตอนนี้ (หลังจากรายการที่อาบูดาบี) พวกเขากลับพูดว่า ใช่ เธอสามารถคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้แน่นอน’ ฉันก็เลยคิดว่าคุณเปลี่ยนใจภายในสัปดาห์เดียว!”
แม้ว่าคนอื่นจะไม่เชื่อเธอ แต่ เบนซิช ไม่เคยสงสัยถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะคัมแบ็ก และเชื่อเสมอว่ามันเป็นไปได้
“ฉันเชื่อจริงๆ ว่ามันเป็นไปได้ที่จะคัมแบ็ก และฉันก็มีความสุขที่ได้คัมแบ็ก เพราะฉันรู้สึกว่างานทั้งหมดที่ฉันทำในอาชีพการงานในวัยเด็ก ฉันไม่อยากโยนมันทิ้งไป ฉันแค่ต้องการนำมันออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จากอาชีพการงานของฉัน และเห็นว่ามันเป็นไปได้ที่จะมีทั้งสองอย่าง”
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามีส่วนสำคัญมากในชีวิตของเธอนอกเหนือจากการเล่นเทนนิส ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงยินดีที่จะยุติอาชีพการงาน และใช้เวลาอยู่กับลูกสาวตลอดเวลาหากจำเป็น
“ฉันไม่คิดว่ามันเหมือนกับการพิสูจน์ตัวเอง ฉันคิดว่ามันเหมือนกับการทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนกับลำดับความสำคัญ ดังนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็มีความสุขมากที่จะเลิกเล่นเทนนิส และเป็นแม่เต็มเวลาถ้าเป็นสิ่งที่ฉันต้องการทำ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเป็นไปได้ที่จะทำทั้งสองอย่าง”
“และโชคดีที่ฉันมีโอกาสได้ทำกับสามีของฉัน เช่น การเดินทางกับแม่ของฉัน และกับแม่ของสามีของฉัน ฉันจึงอยากใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์และพยายามทำให้ดีที่สุด”