เมาริซิโอ โปเช็ตติโน กุนซือของเชลซี เผยความรู้สึกผิดหวังอย่างมากหลังพลาดแชมป์ ฟุตบอลคาราบาว คัพ หลังพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล คู่ปรับร่วมพรีเมียร์ลีก
ทีมสิงบลูส์ กับ ลิเวอร์พูล ต้องเล่นกันถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลลีกคัพ (คาราบาว คัพ) ที่สนามเวมบลีย์ หลังเสมอกันในเวลาปกติ 0-0
อย่างไรก็ตามทีมหงส์แดง มาได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกม จากเฟอร์จิล ฟาน ไดก์ กัปตันทีมลิเวอร์พูล ในนาทีที่ 118 ทำให้พวกเขาปาดหน้าเชลซี คว้าแชมป์ไปครองได้เป็นสมัยที่ 10
หลังเกมการแข่งขัน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน กุนซือของเชลซี ยอมรับว่าเขาและลูกทีมรู้สึกเจ็บปวดกับความพ่ายแพ้ แต่ก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป
“พวกเขา (นักเตะเชลซี) มีความเป็นมืออาชีพ พวกเขาสู้อย่างเต็มที่ และตอนนี้เราต้องมองไปข้างหน้า พวกเขาคงรู้สึกเจ็บปวด แต่เราจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป และในการแข่งขันระดับนี้กับการสู้กับทีมแบบนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก”
“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ยาก เราผิดหวังมากๆ นักเตะรู้สึกผิดหวังที่สุด เราเกือบได้ชัยชนะในเกมนี้ หลัง 90 นาทีพวกเขาเริ่มหมดพลัง (เบน) ชิลเวลล์ และ (คอนเนอร์) กัลลาเกอร์ มีอาการเหนื่อยล้า หลังลงเล่นไป 5 นาที (ในช่วงต่อเวลาพิเศษ) เราจำเป็นต้องเปลี่ยนตัว”
“สำหรับอารมณ์ของผม ผมก็รู้สึกเหมือนกับนักเตะ ผมผิดหวังมากๆ และมันน่าเจ็บปวดจริงๆ ในฟุตบอลเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อคุณเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายคุณไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เราพยายามกันมา 7 หรือ 8 เดือน มันน่าเจ็บปวด แต่เราสู้เต็มที่แล้ว”
นอกจากนี้กุนซือชาวอาร์เจนตินา ยังตอบโต้คำวิจารณ์ของ แกรี เนวิลล์ ตำนานนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แสดงความเห็นว่า เชลซีเป็นทีมเศรษฐีจอมล้มเหลว โดยระบุว่านี่คือสิ่งที่ไม่ยุติธรรม
“ผมไม่ได้ว่าเขาพูดว่าอะไร แค่ถ้าเอาเรี่องอายุนักเตะสองทีมมาเปรียบเทียบ ผมคิดว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ แกรี นะ แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ แต่ผมก็เคารพความเห็นของเขา ผมไม่รู้ว่าคุณจะอธิบายถึงสถานการณ์นี้ยังไง แต่แน่นอนว่าผมภูมิใจในตัวลูกทีมของผมมากๆ ผมคิดว่าพวกเขาพยายามกันอย่างหนักแล้ว”
“เราเป็นทีมคนหนุ่ม ที่ผมพูดไม่ใช่ว่าผมจะไปเปรียบเทียบอะไรกับ ลิเวอร์พูล หรอกนะ หลังจากพวกเขาก็ใช้นักเตะดาวรุ่งลงเล่นเกมนี้เหมือนกัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำการเปรียบเทียบระหว่างสองทีมนี้ได้ และเขาเอง (เนวิลล์) ก็รู้ถึงเรื่องนั้นดี เขารู้ดีว่าจังหวะมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมคิดว่าถ้าเขาพูดแบบนั้นจริงๆ มันก็ไม่ยุติธรรม แต่เราจะยังคงเชื่อมั่นในโปรเจ็กต์นี้ต่อไป และดูว่าในอนาคตเราจะทำอะไรได้บ้าง”