ยืนระยะเป็นมิดฟิลด์ที่เข้าขั้นระดับโลกไปแล้วสำหรับ เลออน กอเรตซ์กา แข้งวัย 28 ปี ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของบาเยิร์น มิวนิก และทีมชาติเยอรมนี ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย
เลออน คริสตอฟ กอเรตซ์กา เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1995 ที่เมืองโบคุ่ม ประเทศเยอรมนี คุณพ่อของเขา คอนราด เป็นนักวิศวกรยานยนต์และไฟฟ้า ส่วนคุณแม่เป็นผู้จัดการธุรกิจสถาบันหลายแห่งในโบคุ่ม ทำให้เขาเป็นเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะอยู่แล้ว และสามารถเลือกทำในสิ่งที่ต้องการได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ
กอเรตซ์กา เริ่มต้นจากการฝึกฝนกับสโมสร Werner SV 06 Bochum ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ก่อนที่ 3 ปีต่อมา พ่อและแม่ของเขาจะพาไปลงทะเบียนฝึกฝนกับ VfL Bochum
วันเวลาผ่านไป กอเรตซ์กา เป็นนักเตะที่น่าจับตามองอย่างมาก ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ ทักษะฟุตบอล รวมถึงทัศนวิสัยในการจ่ายบอล ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการฟุตบอลเยอรมนี โดยปี 2010 เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเยอรมนี ชุดยู-16 ปี และอยู่ในสารบบทีมชาติชุดเยาวชนเรื่อยมา
วันที่ 30 กรกฏาคม ปี 2012 กอเรตซ์กา ได้รับเหรียญทองฟริตซ์ วอลเตอร์ รางวัลสูงสุดประจำปีของสมาคมฟุตบอลเยอรมันที่จะมอบให้กับแข้งเยาวชนของประเทศ ก่อนที่ในวันที่ 4 สิงหาคม ปี 2012 จะได้ลงประเดิมสนามนัดแรก ในลีกรองนัดที่ โบคุม เปิดบ้านเชือด ดินาโม เดรสเดน 2-1 ซึ่งเจ้าตัวสามารถยิงประตูในเกมนี้ได้อีกด้วย
ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ โบคุ่ม ทำให้ไปเตะตาแมวมองของ ชาลเก้ 04 ทีมดังในบุนเดสลีก้า ก่อนที่ กอเรตซ์กา จะตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพ ชาลเก้ 04 ในเดือน มิถุนายน ปี 2013 ด้วยการเซ็นสัญญา 5 ปี จนถึงปี 2018 ส่วนราคาคาดว่าอยู่ที่ราว 3-4 ล้านยูโร ซึ่งเจ้าตัวสวมเสื้อหมายเลข 8 ที่เจ้าของก่อนหน้านี้คือ ซิเปรียน มาริก้า ดาวเตะชาวโรมาเนีย
กอเรตซ์กา ค้าแข้งกับ ชาลเก้ 04 นาน 5 ฤดูกาล เขากลายเป็นนักเตะตัวหลักที่ทีมจะขาดเสียไม่ได้ ด้วยความสามารถที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นตัวคุมจังหวะเกม หรือเป็นเพลย์เมกเกอร์ ก็ล้วนแต่ทำได้ดี แทบจะไร้ที่ติ เขาลงสนามไป 147 นัด ยิงไป 19 ประตู เป็นขวัญใจของแฟนบอล ชาลเก้ 04 อย่างแท้จริง
ฤดูกาล 2018/19 เป็นปีแห่งการตัดสินใจที่สำคัญอีกครั้ง เมื่อมีข้อเสนอจาก บาเยิร์น มิวนิก มหาอำนาจลูกหนังแห่งเยอรมนี ยื่นมาหาเขาจึงยากที่ กอเรตซ์กา จะปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และหลังจากย้ายมายัง บาเยิร์น เขาก็ร่วมกับทีมประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ บุนเดสลีก้า 5 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย, ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 สมัย
ขณะที่ในส่วนของทีมชาติเยอรมนี เขาก็ถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2014 และเป็นกำลังหลักสำคัญเรื่อยมา โดยลงสนามไปแล้ว 50 นัด ยิงไป 14 ประตู
ล่าสุดนี้ กอเรตซ์กา เริ่มมีข่าวกับสโมสรอื่นๆในยุโรป อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าสนใจทีเดียวว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร ซึ่งบางทีแฟนบอลอาจจะได้เห็นเขาย้ายทีมไปเพื่อหาความท้าทาย และไล่ล่าความสำเร็จอื่นๆก็เป็นได้
