กลายเป็นดาวรุ่งที่มาแรงที่สุดคนหนึ่งขณะนี้สำหรับ เอนดริก แข้งบราซิลวัย 16 ปีที่ถูก เรอัล มาดริด ทุ่มเงินกว่า 60 ล้านยูโร ดึงตัวมาร่วมทีม
เอนดริก ฟิลิเป โมไรรา เดอ ซูซ่า เกิดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2006 ที่เมืองตากัวตินกา ประเทศบราซิล ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อให้เล่นฟุตบอล โดยอายุได้เพียง 4 ขวบ ก็เริ่มหัดเลี้ยงบอล และเดาะบอลแล้ว
เวลาต่อมา หนูน้อยเอนดริก ได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลในเมือง เขาแสดงพรสวรรค์ และทักษะที่เหนือกว่าเด็กรุ่นเดียวกันจนถูกเป็นที่พูดถึงในเวลานั้น ก่อนจะไปเข้าตากับแมวมองของ เซา เปาโล ที่ติดต่อดึงตัวเขาไปร่วมทีมเยาวชนของสโมสร
เอนดริก ใช้เวลาฝึกฝนทักษะกับ เซา เปาโล ฟุตบอล คลับ เทรนนิง เซนเตอร์ เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งช่วงนั้นต้องออกเงินค่ารถ ค่าเดินทางในการไปๆมาๆ ด้วยระยะทางที่ไกลลิบ ทำให้ทางบ้านเริ่มแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว จึงเสนอขอให้สโมสรช่วยจ่ายค่าที่พัก หรือมอบงานบางอย่างแก่พวกเขาเพื่อที่จะนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่คำขอนั้นกลับถูก เซา เปาโล ปฏิเสธ ทำให้ เอนดริก ต้องจำใจออกจากสโมสร
อย่างไรก็ตาม คุณพ่อของเขาพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ เอนดริก ได้เล่นฟุตบอลต่อไป เขาตัดต่อคลิปวีดิโอการเล่นของลูกชายลงยูทูป และส่งไปยังสโมสรต่างๆ ก่อนจะเป็น พัลไมรัส ที่ตอบรับพวกเขาและคว้าตัว เอนดริก ในวัย 11 ปี เข้ามาเป็นเด็กเยาวชนของทีมในที่สุด รวมถึงรับคุณพ่อที่ตกงานมาเป็นพนักงานทำความสะอาดด้วย
เมื่อได้รับการขัดเกลาฝีเท้าต่อ เอนดริก ยังคงแสดงพรสวรรค์อันน่าทึ่งในการเป็นศูนย์หน้า เขาถูกเกจิต่างๆนำไปเปรียบเทียบกับตำนานทีมชาติบราซิลอย่าง โรนัลโด และ โรมาริโอ อย่างไรก็ตามเมื่อถูกถามถึงไอดอลในการเล่นฟุตบอล เขายกให้เป็น คริสเตียโน โรนัลโด ยอดนักเตะซูเปอร์สตาร์จากโปรตุเกส
ช่วงเวลา 5 ปี กับทีมเยาวชน พัลไมรัส เอนดริก ยิงไปทั้งหมด 165 ประตู จาก 169 นัด ถือเป็นสถิติที่น่าเหลือเชื่อ ทั้งยังยิงได้ 7 ประตู จาก 7 เกม พาทีมคว้าแชมป์รายการ โคปา เซา เปาโล เด ฟุตบอล จูเนียร์ จนกลายเป็นที่จับตาของทีมยักษ์ใหญ่หลายทีมในยุโรป
เอนดริก อธิบายถึงตัวเองว่า “ผมจะสู้เสมอ ผมจะมุมานะและพยายามจนถึงนาทีสุดท้ายที่ผมอยู่ในเกม ผมไม่เคยยอมแพ้ ผมกดดันกองหลัง ผมวิ่งมากกว่า คนอื่นๆ ในสนาม”
แม้เรอัล มาดริดจะปิดดีลคว้าตัว เอนดริกไปเรียบร้อยแล้ว แต่เขาจะยังต้องอยู่เล่นกับ พัลไมรัส ต่อไปจนถึงปี 2024 ทำให้ยังมีเวลาให้ ดาวรุ่งแซมบ้ารายนี้ ขัดเกลาฝีเท้าอีกระยะ ก่อนมาอาละวาดในยุโรป ถึงตอนนั้นน่าสนใจทีเดียวว่าเขาจะโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจขนาดไหน