แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศปิดดีลคว้าตัว โซฟียาน อัมราบัต มาจากฟิออเรนตินา ด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาลเป็นที่เรียบร้อย
กองกลางวัย 27 ปี โชว์ฟอร์มโดดเด่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ หลังมีส่วนสำคัญในการพาทีมชาติโมร็อก จบด้วยการเป็นอันดับ 4 ของการแข่งขัน ทำให้เจ้าตัวตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับหลายทีมดัง ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ล่าสุดก่อนปิดตลาดซื้อขายนักเตะในรอบนี้ ทีมปีศาจแดง จัดการคว้าตัวแข้งชาวโมร็อกโกมาร่วมทัพ โดยได้บรรลุข้อตกลงในการยืมตัว อัมราบัต มาเสริมทัพทางการด้วยสัญญา 1 ฤดูกาล หรือถึงเดือน มิ.ย. 2024 เนื่องจากยังไม่สามารถซื้อขาดได้เนื่องจากส่อละเมิดกฎการเงิน
โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมจ่าค่ายืมตัวมูลค่า 10 ล้านยูโร หรือราว 377.5 ล้านบาท พร้อมพ่วงออปชั่นซื้อขาดในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า ซึ่งหากทีมปีศาจแดงต้องการซื้อแข้งรายนี้ไปร่วมทัพจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 20 ล้านยูโร หรือราว 755 ล้านบาท พร้อมโบนัสอีก 5 ล้านยูโร หรือราว 188 ล้านบาท
หลังเปิดตัว อัมราบัต เผยว่า “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมต้องอดทนเพื่อรอช่วงเวลานี้ แต่ผมเป็นคนที่ฟังเสียงหัวใจของผมเสมอ และตอนนี้ ผมกำลังเป็นตัวแทนของสโมสรในฝันของผม ผมเป็นผู้เล่นที่มีแพชชัน ผมต้องการนำพลังนั้นมาสู่ทีม และผมจะทุ่มเททุกอย่างให้ในการทำเพื่อทีม”
ด้าน ฟาบริซิโอ โรมาโน นักข่าวคนดังชาวอิตาลี เผยว่ากองกลางชาวโมร็อกโก มุ่งมั่นที่จะย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแค่ทีมเดียวเท่านั้น โดยระบุว่า “ผมหวังว่าแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะแสดงความรักให้กับ โซฟียาน”
“เขาปฏิเสธเงินก้อนโตจากซาอุดีอาระเบีย รวมถึงข้อเสนออื่นๆอีกมากมายนับตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนด้วยข้อความเหมือนกันหมดว่าต้องเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น และทางเดียวที่โซฟียาน จะย้ายไปทีมอื่น ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถอนตัวไปเอง เขารอคอยแค่ทีมเดียว เขาแสดงความรักต่อสโมสรในรูปแบบที่พิเศษไม่เหมือนใคร มันไม่ง่ายนะที่จะเฝ้ารอสโมสรเดียวมานานร่วมๆ 70 วัน”
สำหรับ โซฟียาน อัมราบัต เริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับ อูเทร็คท์ ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสโมสรที่ทำให้เขาได้ร่วมงานกับ เอริค เทน ฮาก ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เฟเยนูร์ด และ คลับ บรูช จากนั้นจึงถูกยืมตัวไปที่ เวโรน่า แล้วทำผลงานได้ดี จน ฟิออเรนตินา เซ็นสัญญาไปร่วมทีมในปี 2020 และกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมในการพาฟิออเรนตินา เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน โดยเขาลงเล่นในทีมม่วงมหากาฬไปทั้งหมด 92 นัด และทำประตูได้ 1 ประตู